บลจ.รุกทำการตลาดกระตุ้นยอดกองทุนตลาดเงิน "บัวหลวง" เดินหน้าเพิ่มทุน "กองบัวหลวงธนทวี" อีก 5,000 ล้านบาท อาศัยความร่วมมือสาขาแบงก์แม่ ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มสถาบัน-เอสเอ็มอีมากขึ้น หวังเสนอทางเลือกใช้กองทุนบริหารสภาพคล่องให้องค์กร พร้อมตั้งเป้าระยะยาว กระตุ้นลูกค้าตื่นตัวใช้เป็นช่องทางออมเงิน ด้าน "ธนชาต" รุกประชาสัมพันธ์กอง "ธนชาตบริหารเงิน-ธนชาตตลาดเงิน" เน้นสร้างชื่อติดตลาด
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เพิ่มทุนโครงการกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) ของบริษัทอีก 5,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 50,000 ล้านบาท ซึ่งผลให้กองทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 55,000 ล้านบาทในปัจจุบัน
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 แล้วสำหรับปีนี้ โดยก่อนหน้านี้กองทุนได้ขอจดทะเบียนเพิ่มทุนโครงการไปแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มทุนครั้งละ 5,000 ล้านบาท
นายวศินกล่าวว่า การเพิ่มทุนดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นไปตามแผนการตลาดของธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการขายหน่วยลงทุนผ่านสาขา เนื่องจากกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีเอง เป็นผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่เข้าใจง่ายและลูกค้าเองก็ให้ความสนใจอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากลูกค้ารายย่อยทั่วไปแล้ว เราเองมีการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้ลงทุนเป็นสถาบันมากขึ้น โดยเป็นการใช้กองทุนดังกล่าวในการบริหารสภาพคล่องขององค์กรนั้นๆ ถึงแม้ปัจจุบันตลาดนี้จะมีคนทำอยู่บ้างแล้ว แต่เราจะเน้นสร้างความตื่นตัวในการบริหารสภาพคล่องของเขามากขึ้น
นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปสู่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมหรือกลุ่มเอสเอ็มอีมากขึ้น ในการบริหารเงินส่วนตัวหรือเงินที่เกิดจากการประกอบธุรกิจ โดยที่ผ่านมา เราเองได้เริ่มทำการตลาดและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ไปบ้างแล้ว ด้วยการเดินสายให้ข้อมูลถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ย่านสีสม สำเพ็ง เยาวราช ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่ากองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีจะต้องขยายตัวหรือมีเงินลงทุนเป็นเท่าไหร่ แต่วิธีที่เรามองอยู่ คือ ต้องการให้กองทุนมีการเติบโตไปพร้อมกับการเติบโตของอุตสาหกรรมกองทุนตราสารหนี้ ขณะเดียวกัน เราต้องการให้กองทุนนี้เป็นช่องทางในการออมเงินของลูกค้า โดยให้ลูกค้าเองมีความตื่นตัวในการบริหารเงินออมของตัวเองมากขึ้น
"วิธีการมองของเราไม่ได้ตั้งเป้าว่ากองทุนจะต้องเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่เราต้องการให้กองทุนเป็นช่องทางในการออมเงินของลูกค้า พร้อมทั้งให้ลูกค้ามีความตื่นตัวในการบริหารเงินของตัวเองด้วย"นายวศินกล่าว
ปัจจุบันกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มีมูลค่าทรัพย์สินสิทธิ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 ประมาณ 47,310.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากมูลค่ารวม 34,856.51 ล้านบาทในช่วงต้นปี
ก่อนหน้านี้ บลจ.บัวหลวง ได้ออกเคมเปญกระตุ้นการทำธุรกรรมผ่านบริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้ง เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ควบคู่กับการกระตุ้นการลงทุนในกองทุนรวมไปด้วย ซึ่งแคมเปญในครั้งนี้ บริษัทใช้กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีเป็นตัวกระตุ้น โดยทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสาขาของธนาคารกรุงเทพ เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบว่า สามารถซื้อขายกองทุนรวมผ่านบริการดังกล่าวได้แล้ว ทั้งนี้ บริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้งเอง ให้บริการหลักๆ ในด้านการซื้อขายหน่วยลงทุน สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน และดูการเปลี่ยนแปลงของหน่วยลงทุนที่ลูกค้าลงทุนอยู่
สำหรับกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มีนโยบายลงทุนในระยะสั้นและระยะปานกลางในตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องอายุเฉลี่ยประมาณ 1 ปี โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกหรือค้ำประกันโดยรัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีความมั่นคง ซึ่งเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในตัวตราสารหรือผู้ออกตราสาร ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมากองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH) และกองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน (T-MONEY) ติดอันดับ 1 ใน 5 ของกองทุนประเภทตลาดเงิน โดยในขณะนี้ธุรกิจกองทุนรวมคาดว่ามีกองทุนประเภทดังกล่าวมีประมาณไม่น้อยกว่า 15 กองทุน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการทำประชาสัมพันธ์ทั้งสองกองทุนให้นักลงทุนได้มีการรับรู้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้กองทุน T – CASH มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่ 26,263.90 ล้านบาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.02 บาทต่อหน่วย ส่วนกองทุน T-MONEY มีมูลค่าเอ็นเอวี 3,563.32 ล้านบาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.05 บาทต่อหน่วย
สำหรับกองทุน T – CASH ปัจจุบันมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.66% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.76% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 2.95% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.76% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.97% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.79% ส่วนกองทุน T-MONEY มีมูลค่าโครงการครั้งแรก 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันได้เพิ่มทุนโครงการอีก 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 8,000 ล้านบาท
นายบัญชัย กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม-3 มิถุนายนนี้ บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 4 (THANACHART PROTECTION FUND 4 : TPRO4) กองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้น ที่มีอายุโครงการประมาณ 11 – 12 เดือน โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการคุ้มครองเงินต้นที่ลงทุน โดยลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทยเป็นหลัก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุน เน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่ายผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และหรือเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขาย ล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เพิ่มทุนโครงการกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) ของบริษัทอีก 5,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 50,000 ล้านบาท ซึ่งผลให้กองทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 55,000 ล้านบาทในปัจจุบัน
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 แล้วสำหรับปีนี้ โดยก่อนหน้านี้กองทุนได้ขอจดทะเบียนเพิ่มทุนโครงการไปแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มทุนครั้งละ 5,000 ล้านบาท
นายวศินกล่าวว่า การเพิ่มทุนดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นไปตามแผนการตลาดของธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการขายหน่วยลงทุนผ่านสาขา เนื่องจากกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีเอง เป็นผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่เข้าใจง่ายและลูกค้าเองก็ให้ความสนใจอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากลูกค้ารายย่อยทั่วไปแล้ว เราเองมีการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้ลงทุนเป็นสถาบันมากขึ้น โดยเป็นการใช้กองทุนดังกล่าวในการบริหารสภาพคล่องขององค์กรนั้นๆ ถึงแม้ปัจจุบันตลาดนี้จะมีคนทำอยู่บ้างแล้ว แต่เราจะเน้นสร้างความตื่นตัวในการบริหารสภาพคล่องของเขามากขึ้น
นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปสู่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมหรือกลุ่มเอสเอ็มอีมากขึ้น ในการบริหารเงินส่วนตัวหรือเงินที่เกิดจากการประกอบธุรกิจ โดยที่ผ่านมา เราเองได้เริ่มทำการตลาดและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ไปบ้างแล้ว ด้วยการเดินสายให้ข้อมูลถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ย่านสีสม สำเพ็ง เยาวราช ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่ากองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีจะต้องขยายตัวหรือมีเงินลงทุนเป็นเท่าไหร่ แต่วิธีที่เรามองอยู่ คือ ต้องการให้กองทุนมีการเติบโตไปพร้อมกับการเติบโตของอุตสาหกรรมกองทุนตราสารหนี้ ขณะเดียวกัน เราต้องการให้กองทุนนี้เป็นช่องทางในการออมเงินของลูกค้า โดยให้ลูกค้าเองมีความตื่นตัวในการบริหารเงินออมของตัวเองมากขึ้น
"วิธีการมองของเราไม่ได้ตั้งเป้าว่ากองทุนจะต้องเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่เราต้องการให้กองทุนเป็นช่องทางในการออมเงินของลูกค้า พร้อมทั้งให้ลูกค้ามีความตื่นตัวในการบริหารเงินของตัวเองด้วย"นายวศินกล่าว
ปัจจุบันกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มีมูลค่าทรัพย์สินสิทธิ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 ประมาณ 47,310.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากมูลค่ารวม 34,856.51 ล้านบาทในช่วงต้นปี
ก่อนหน้านี้ บลจ.บัวหลวง ได้ออกเคมเปญกระตุ้นการทำธุรกรรมผ่านบริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้ง เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ควบคู่กับการกระตุ้นการลงทุนในกองทุนรวมไปด้วย ซึ่งแคมเปญในครั้งนี้ บริษัทใช้กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีเป็นตัวกระตุ้น โดยทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสาขาของธนาคารกรุงเทพ เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบว่า สามารถซื้อขายกองทุนรวมผ่านบริการดังกล่าวได้แล้ว ทั้งนี้ บริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้งเอง ให้บริการหลักๆ ในด้านการซื้อขายหน่วยลงทุน สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน และดูการเปลี่ยนแปลงของหน่วยลงทุนที่ลูกค้าลงทุนอยู่
สำหรับกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มีนโยบายลงทุนในระยะสั้นและระยะปานกลางในตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องอายุเฉลี่ยประมาณ 1 ปี โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกหรือค้ำประกันโดยรัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีความมั่นคง ซึ่งเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในตัวตราสารหรือผู้ออกตราสาร ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมากองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH) และกองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน (T-MONEY) ติดอันดับ 1 ใน 5 ของกองทุนประเภทตลาดเงิน โดยในขณะนี้ธุรกิจกองทุนรวมคาดว่ามีกองทุนประเภทดังกล่าวมีประมาณไม่น้อยกว่า 15 กองทุน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการทำประชาสัมพันธ์ทั้งสองกองทุนให้นักลงทุนได้มีการรับรู้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้กองทุน T – CASH มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 อยู่ที่ 26,263.90 ล้านบาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.02 บาทต่อหน่วย ส่วนกองทุน T-MONEY มีมูลค่าเอ็นเอวี 3,563.32 ล้านบาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.05 บาทต่อหน่วย
สำหรับกองทุน T – CASH ปัจจุบันมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.66% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.76% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 2.95% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.76% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.97% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.79% ส่วนกองทุน T-MONEY มีมูลค่าโครงการครั้งแรก 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันได้เพิ่มทุนโครงการอีก 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 8,000 ล้านบาท
นายบัญชัย กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม-3 มิถุนายนนี้ บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 4 (THANACHART PROTECTION FUND 4 : TPRO4) กองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้น ที่มีอายุโครงการประมาณ 11 – 12 เดือน โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการคุ้มครองเงินต้นที่ลงทุน โดยลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทยเป็นหลัก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุน เน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่ายผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และหรือเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขาย ล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
