ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลลูกผีลูกคน! นักวิเคราะห์จับตาท่าที ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไตรมาสแรกปี 2569 อย่างใกล้ชิด หลังสัญญาณเงินเฟ้อยังดื้อรั้น จ่อกดปุ่ม ‘หยุดลดดอกเบี้ย’ ชั่วคราว ซึ่งอาจส่งผลร้ายฉุด ‘Bitcoin’ ดิ่งเหวแตะ 70,000 ดอลลาร์ และ ‘Ether’ รูดเหลือ 2,400 ดอลลาร์ ทั้งที่เฟดเพิ่งหั่นดอกเบี้ยไป 3 ครั้งในปี 2568 แต่ตลาดกลับตอบรับด้วยการ ‘เทขาย’ จนมูลค่าหายวูบกว่า 1.45 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความหวังเล็กๆ จากมาตรการ ‘Stealth QE’ ที่อาจเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหม่พยุงราคาไม่ให้พังทลาย
แม้ปี 2568 เฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้าย เพื่อประคองตัวเลขการว่างงานที่เริ่มขยับสูงขึ้นและเงินเฟ้อที่ทำท่าจะเย็นลง แต่ปฏิกิริยาของตลาดคริปโตฯ กลับ “สวนทาง” (Counterintuitive) อย่างสิ้นเชิง แทนที่จะดีดตัวรับข่าวดี (Rally) ตลาดกลับถูกเทขายอย่างหนักจนมูลค่าตลาดรวม (Market Cap) หายไปกว่า 1.45 ล้านล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม
สถานการณ์นี้บีบให้ทุกสายตาต้องจับจ้องไปที่ไตรมาส 1 ปี 2569 ว่านโยบายการเงินของพญาอินทรีจะไปในทิศทางใด และจะส่งแรงกระเพื่อมรุนแรงแค่ไหนต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
กรณีเลวร้ายเฟด ‘เบรก’ ดอกเบี้ยอาจฉุดตลาดพัง?
แม้จะลดดอกเบี้ยติดต่อกันมา 0.25% ถึง 3 รอบ แต่ถ้อยแถลงล่าสุดจากเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูงอย่างจอห์น วิลเลียมส์ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กลับส่งสัญญาณ “ตึงเครียด” โดยระบุว่า เขาส่วนตัว “ไม่รู้สึกถึงความเร่งด่วน” ที่จะต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในขณะนี้
“ผมต้องการเห็นเงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย 2% โดยไม่สร้างความเสียหายที่ไม่จำเป็นต่อตลาดแรงงาน...มันคือการรักษาสมดุล” วิลเลียมส์กล่าว
ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 2.63% ซึ่งแม้จะดูเหมือนสนับสนุนการลดดอกเบี้ย แต่ปัญหาก็คือเหตุการณ์ Government Shutdown ที่ผ่านมา ทำให้การเก็บข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) หยุดชะงัก จนนักเศรษฐศาสตร์อย่าง Robin Brooks กังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้ออาจ “บิดเบือน” จากความเป็นจริง ความไม่แน่นอนของข้อมูลนี้เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมตลาดคริปโทฯ ถึงไม่กล้าบุกต่อ
เจฟฟ์ เหมย (Jeff Mei) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ BTSE ประเมินว่า หากเฟดตัดสินใจ “คงดอกเบี้ย” ตลอดไตรมาส 1/2569 จริง เราอาจได้เห็น
- Bitcoin : ปรับฐานลงลึกไปแตะระดับ 70,000 ดอลลาร์
- Ether : ร่วงลงไปต่ำสุดที่ 2,400 ดอลลาร์
ความหวังจาก ‘Stealth QE’ (QE แฝง)
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อเฟดได้ยุติโครงการดึงสภาพคล่องออก (Quantitative Tightening: QT) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม และเปลี่ยนมาใช้นโยบายการบริหารจัดการเงินสำรอง (Reserve Management Purchases: RMPs) หรือการเข้าซื้อตั๋วเงินคลังระยะสั้นมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อรักษาสภาพคล่องของระบบธนาคาร
นักวิเคราะห์เรียกมาตรการนี้ว่า “Stealth QE” หรือการทำ QE แบบเงียบ ๆ แม้เม็ดเงินจะเทียบไม่ได้กับสมัยปี 2563-2564 ที่อัดฉีดเดือนละ 8 แสนล้านดอลลาร์ (ช่วงที่คริปโตฯ บูมสุดขีด) แต่หากโครงการ RMP นี้ยังดำเนินต่อไปในไตรมาสแรกของปี 2569 มันจะเปรียบเสมือนการเติมน้ำมันหล่อลื่นเข้าสู่ระบบการเงินเงียบ ๆ
เจฟฟ์ เหมย มองมุมบวกว่า หาก Stealth QE ทำงานได้ผล จะช่วยพยุงสินทรัพย์เสี่ยง (Risk Appetite) ให้ฟื้นตัวได้แม้ดอกเบี้ยจะไม่ลดลงฮวบฮาบ
- Bitcoin : มีโอกาสดีดกลับไปที่กรอบ 92,000 - 98,000 ดอลลาร์ โดยมีแรงหนุนจากเงินไหลเข้า ETF ที่คาดว่าจะทะลุ 5 หมื่นล้านดอลลาร์
- Ether : อาจพุ่งไปแตะ 3,600 ดอลลาร์ รับอานิสงส์จากการอัปเกรด Layer-2 และผลตอบแทนจากการ Restaking ที่ดึงดูดผู้ใช้งาน DeFi กลับมา
ไตรมาสแรกปี 2569 คือจุดวัดใจระหว่าง “ข้อมูลเงินเฟ้อที่คลุมเครือ” กับ “สภาพคล่องแฝงที่ถูกเติมเข้ามา” นักลงทุนต้องชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะนโยบายเพียงขยับนิดเดียวของเฟด อาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างกำไรมหาศาลหรือการติดดอยยาวนาน


