รัฐสภาอินเดียเดือด! สมาชิกรัฐสภาหนุ่มไฟแรงชง “พ.ร.บ. โทเคนไนเซชัน” หวังทลายกำแพงการลงทุนสินทรัพย์ระดับชาติ ดันโมเดล “Fractional Ownership” ซอยย่อยตึกระฟ้า-ทางด่วน-คาร์บอนเครดิต ให้เป็นชิ้นเล็กที่ “คนทั่วไป” เอื้อมถึง หวังปลุกเม็ดเงินมหาศาลกว่า 50 ล้านล้านรูปีที่นอนนิ่ง ให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ท้าชนสิงคโปร์-ดูไบ ที่ทิ้งห่างไปไกลแล้ว
การอภิปรายในรัฐสภาอินเดียสัปดาห์นี้ ร้อนแรงด้วยประเด็นเศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อ รากัฟ ชาดา (Raghav Chadha) สมาชิกรัฐสภา (Rajya Sabha) ได้ลุกขึ้นเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งคลอดกฎหมายเฉพาะกิจ (Tokenization Bill) เพื่อรองรับการแปลงสินทรัพย์ในโลกจริงให้เป็นดิจิทัลโทเคน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการ “กระจายความมั่งคั่ง” สู่ชนชั้นกลางหลายร้อยล้านคน
ปฏิวัติการออม จาก ‘เงินฝาก’ สู่เจ้าของ ‘ตึกระฟ้า’
ชาดา ชี้ให้เห็นจุดบอดของโครงสร้างเศรษฐกิจอินเดียว่า ปัจจุบันชนชั้นกลางที่มีจำนวนมหาศาล ยังติดกับดักการออมแบบดั้งเดิม เช่น บัญชีออมทรัพย์ เงินฝากประจำ หรือกองทุนรวม ซึ่งให้ผลตอบแทนจำกัด ในขณะที่สินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งจริงอย่าง อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ หรือโครงการโครงสร้างพื้นฐาน กลับถูกผูกขาดโดยเศรษฐีและกองทุนใหญ่
ข้อเสนอของเขาคือการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาทำ “Fractional Ownership” หรือการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในสัดส่วนย่อย ๆ ซึ่งจะทำให้คนทั่วไปสามารถเจียดเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของตึกออฟฟิศ หรือทางหลวงสายสำคัญ โดยไม่ต้องผ่านนายหน้าหน้าเลือดหรือทำเอกสารกองโต
เขายกตัวอย่างความสำเร็จของ Unified Payments Interface (UPI) ระบบชำระเงินของอินเดียที่เปลี่ยนโลกการจ่ายเงินของคนรากหญ้า โดยเชื่อว่า Tokenization จะเข้ามาทำหน้าที่เดียวกันในโลกของ “การลงทุน”
ปลุกยักษ์หลับ 50 ล้านล้านรูปี!
แรงสนับสนุนแนวคิดนี้เริ่มขยายตัวในระดับรัฐบาลท้องถิ่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เดเวนดรา ฟาดนาวิส (Devendra Fadnavis) มุขมนตรีรัฐมหาราษฏระ เปิดเผยว่า รัฐกำลังร่างกรอบกฎหมายเพื่อปลดล็อกเงินทุนที่นอนนิ่ง (Idle Capital) มูลค่ากว่า 50 ล้านล้านรูปี (กว่า 20 ล้านล้านบาท) โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองใหญ่อย่างมุมไบให้กลับมามีสภาพคล่องผ่านระบบดิจิทัล
ตามหลังโลก? เมื่อ ‘ดูไบ-สิงคโปร์’ นำไปไกล
อย่างไรก็ตาม ในเวทีโลก อินเดียกำลังตกขบวนรถไฟสายด่วนขบวนนี้ ในขณะที่อินเดียยังถกเถียงเรื่องกฎหมาย ประเทศคู่แข่งอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), สิงคโปร์, ฮ่องกง และเยอรมนี ได้วางโครงสร้างกฎหมายเสร็จสิ้นและเปิดตลาดไปแล้ว
- ดูไบ : การซื้ออสังหาฯ เริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่พันเดอร์ฮัม ผ่านแพลตฟอร์มที่ถูกกฎหมาย
- สิงคโปร์ : โครงการ Project Guardian รุดหน้าไปถึงระดับสถาบันการเงิน เพื่อสร้างมาตรฐานสินทรัพย์ดิจิทัล
อุปสรรคชิ้นโตเป็นกำแพงกฎระเบียบที่ล้าหลัง
แม้ภาคเอกชนใน GIFT City จะเริ่มทดลอง Sandbox ร่วมกับบล็อกเชนอย่าง Polygon แต่ภาพรวมระดับประเทศยังติดหล่ม หน่วยงานกำกับดูแลหลักอย่างธนาคารกลางอินเดีย (RBI) และ ก.ล.ต. อินเดีย (SEBI) ยังคงเหยียบเบรกด้วยความระมัดระวัง โดยกังวลเรื่องการคุ้มครองนักลงทุน ความเสี่ยงในการชำระดุล และที่สำคัญคือระบบโฉนดที่ดินของอินเดียที่ซับซ้อนและกระจัดกระจาย
อย่างไรก็ดีกฎหมาย Tokenization Bill ฉบับนี้ คือบททดสอบวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญ หากรัฐบาลอินเดียกล้าตัดสินใจ นี่อาจเป็นการปลดปล่อยศักยภาพทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในทศวรรษ แต่หากยังชักช้า เม็ดเงินของคนรุ่นใหม่ในอินเดีย อาจไหลออกไปสู่แพลตฟอร์มต่างชาติที่เปิดกว้างและคล่องตัวกว่าแทน


