xs
xsm
sm
md
lg

อีสท์สปริงชี้เป้าลงทุนเอเชีย-ตลาดเกิดใหม่ ชู 5 ธีมการลงทุนรับมือภาษีทรัมป์-เศรษฐกิจชะลอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
บลจ. อีสท์สปริงคาดภาษีทรัมป์เรื้องรัง กดดันเศรษฐกิจชะลอแม้เจรจาลงตัว แนะกระจายลงทุน เอเชีย-ตลาดเกิดใหม่ จังหวะดีลงทุนจีน แม้โดนภาษีอาน แต่เศรษฐกิจโตต่อเนื่องระดับ4.5% แถมหุ้นราคาถูก ส่วนอินเดียเสน่ห์แรงจ่อเป็นศูนย์กลางการผลิตโลก หนุนเศรษฐกิจโตระดับ6.4% พร้อมชู5กองทุน5ธีมการลงทุนช่วยฝ่าผันผวน ทั้งหุ้นทั่วโลก หุ้นเอเชีย หุ้นสหรัฐฯ และตราสารหนี้

นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยมุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง 2025 ว่า ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก แม้บางประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกาได้ แต่ภาพรวมของอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศคู่ค้า อาจกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า แม้การเจรจาการค้าจะยังต้องใช้เวลาและมีความซับซ้อน แต่อีสท์สปริงมองว่า เอเชียและตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นจุดหมายสำคัญในการกระจายการลงทุน ท่ามกลางภาวะตลาดโลกที่ผันผวน  


มองจีน-อินเดียน่าลงทุน
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง กล่าวว่าสำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง บลจ.อีสท์สปริงยังคงมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่าในส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลง เหลือประมาณ 1.4% ในปี 2025 และ 1.6% ในปี 2026 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อน่าจะยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่าจะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ย เมื่อเห็นอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น

ในฝั่งของจีน จากการที่สหรัฐฯมีการลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนและมีการผ่อนผันระยะเวลาออกไป 90 วัน ทำให้อัตราภาษีเฉลี่ยลดลงเหลือราว 35% แต่ยังถือเป็นแรงกดดันต่อ GDP ประมาณ 1% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม อีสท์สปริงยังคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ราว 4.5% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการคลังและมาตรการกระตุ้นเฉพาะด้าน และคาดว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมในช่วงต้นไตรมาส4/2025 ขณะที่ราคาหุ้นที่ยังอยู่ในระดับน่าสนใจ ช่วยเปิดโอกาสสำหรับนักลงทุนสำหรับการเติบโตในระยะยาว

อินเดีย กลายเป็นผู้รับผลประโยชน์สูงสุดในภูมิภาคเอเชีย จากโครงสร้างการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตที่ 6.4% ในปีนี้ และ 6.6% ในปีหน้า ทั้งนี้ หากสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯได้เพิ่มเติม จะช่วยให้อินเดียเพิ่มเสน่ห์ในฐานะศูนย์กลางการผลิตของโลก แม้หุ้นอินเดียจะมีมูลค่าที่แพงกว่าตลาดหุ้นเอเชีย แต่ก็ยังคงมีเสถียรภาพจากนโยบายการเงินที่เอื้ออำนวย รวมถึงได้รับอานิสงฆ์จากการย้ายฐานการผลิต(Reshoring)

ในขณะที่ประเทศไทย คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยคาดว่า GDP จะอยู่ที่ราว 1.8% จากแรงกดดันด้านการค้าต่างประเทศที่อาจจะชะลอตัว การลงทุนภาคเอกชนที่อ่อนแอ และความไม่แน่นอนทางการเมือง แม้ภาคการท่องเที่ยวจะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ ขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ เปิดโอกาสให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาลดดอกเบี้ยได้อีกหนึ่งครั้ง หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่คาด สำหรับการลงทุนในไทยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นหุ้นปันผลสูง เพื่อช่วยลดความผันผวนและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง 


ชู5กองทุน5ธีมช่วยฝ่าผันผวน
ด้านนายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง กล่าวว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 นักลงทุนทั่วโลกยังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า การเติบโตที่ชะลอตัวลงในเศรษฐกิจหลัก และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ทิศทางดอกเบี้ยขาลง เราเชื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย และสอดรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งในระยะยาว โดยบลจ.อีสท์สปริง จึงแนะนำกรอบการลงทุน 5 ธีมหลัก เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมมหภาคที่เปราะบาง ดังนี้

1. D = Diversify Globally : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Core (ES-GCORE) กองทุนหลักเน้นการกระจายความเสี่ยงทั่วโลก โดยลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงจากตลาดพัฒนาแล้ว ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผสมผสานการใช้ Big Data และโมเดลเชิงปริมาณเพื่อหาโอกาสจากการลงและเสริมความเสถียรของพอร์ต

2. R = Resilient US Leaders : กองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity (ES-USBLUECHIP) กองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และศักยภาพการเติบโตระยะยาว ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีความมั่นคงทางการเงินมากกว่าบริษัทขนาดเล็ก และสามารถรับมือกับวัฏจักรเศรษฐกิจได้ดีกว่า

3. I = Income from Innovation : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Nasdaq Equity Premium Income (ES-NDQPIN) ) กองทุนหลักมีการใช้กลยุทธ์ Covered Call ซึ่งเป็นการขายออปชั่นบนหุ้น NASDAQ-100 เพื่อสร้างกระแสรายได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมรักษาการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี เหมาะสำหรับผู้ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอในภาวะตลาดผันผวน

4. V = Value from Asia : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Asian Low Volatility Equity (ES-ALOVE) ) กองทุนหลักเอเชียยังเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจในระยะยาว ด้วยศักยภาพด้านการผลิต โครงสร้างประชากร และนวัตกรรม กองทุนนี้คัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่มีความผันผวนต่ำจากทั่วเอเชีย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ

5. E = Enhanced Bond Income : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Income (ES-GINCOME) เมื่อธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน ตลาดตราสารหนี้กลับมาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกครั้ง กองทุนหลักนี้ลงทุนเชิงรุกในพันธบัตรหลากหลายประเภททั่วโลก และหลายประเภทตราสารเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น