ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 เผย ฝนตกหนักในพื้นที่ส่งผลน้ำท่วม 6 จังหวัด หน่วยบริการสาธารณสุขในสงขลา สตูล พัทลุง ปัตตานี ได้รับผลกระทบรวม 28 แห่ง ปิดบริการ 7 แห่ง ที่สงขลาและสตูล ยังจัดบริการดูแลประชาชนทั้งในสถานบริการและในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่วนนราธิวาส แม้ยังไม่เกิดสถานการณ์ แต่เปิด Alert Mode เฝ้าระวังใกล้ชิด จับตาโรคที่มากับน้ำ
วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2568) นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 12 ว่า ขณะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องส่งผลกระทบใน 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี และยะลา โดยสถานการณ์รายจังหวัดพบว่า 1) สงขลา หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 11 แห่ง เป็นโรงพยาบาล 3 แห่ง รพ.สต./สสอ. 8 แห่ง ปิดบริการ 5 แห่ง ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) พร้อมทั้งจัดระบบเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง ส่งทีม MERT เคลื่อนที่เร็วเข้าพื้นที่อำเภอจะนะ หาดใหญ่ และรัตภูมิ วางระบบส่งต่อผู้ป่วยจาก รพ.สต.ที่ปิดบริการไปยัง รพ.หาดใหญ่ และ รพ.รัตภูมิ รวมถึงเร่งฟื้นฟูระบบบริการในพื้นที่น้ำท่วมขัง เช่น ไฟฟ้า–น้ำประปาในหน่วยบริการ ติดตามดูแลกลุ่มเปราะบางแล้ว 2,328 ราย 2) สตูล มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย จากเหตุดินถล่ม หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 2 แห่ง คือ รพ.สต.ฉลุง และ รพ.สต.เขาขาว ต้องปิดบริการทั้ง 2 แห่ง เบื้องต้นระดมทีมด้านการแพทย์ จ.สตูล เข้าตรวจสอบพื้นที่ดินถล่ม จัดระบบบริการชั่วคราว (Mobile clinic) ในชุมชนที่ รพ.สต.ปิดบริการ พร้อมทั้งติดตามดูแลกลุ่มเสี่ยง 64 ราย เฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยเรื้อรังและโรคหลังน้ำลด เช่น ผิวหนัง ตาแดง
นพ.อภิชาตกล่าวต่อว่า 3) ตรัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากไฟฟ้าดูด ไม่มีหน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ ขณะนี้มีการจัดรถพยาบาล–กู้ชีพเฝ้าระวังในพื้นที่น้ำท่วมฉับพลัน พร้อมกำชับ รพ.สต. และ อสม. ติดตามผู้ป่วยโรคเรื้อรังในพื้นที่จมน้ำ ประสานการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าในพื้นที่ผิดปกติเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจากไฟฟ้าดูด 4) พัทลุง มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย จากการจมน้ำ หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 9 แห่ง แต่เปิดให้บริการได้ตามปกติ มีการจัดทีม Rapid Response และ MERT ออกให้บริการด้านการแพทย์ในพื้นที่เขาชัยสนและปากพะยูน พร้อมจัดระบบส่งต่อผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและโรคเรื้อรังในพื้นที่น้ำท่วมยาวนาน ติดตามดูแลกลุ่มเปราะบางแล้ว 1,004 ราย พร้อมประสาน อปท. ช่วยระบายน้ำรอบ รพ.สต.หลายแห่งที่เสี่ยงน้ำย้อนท่อ 5) ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เสียชีวิต 2 ราย จากการจมน้ำ หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 6 แห่ง เป็นโรงพยาบาล 4 แห่ง คือ รพ.สายบุรี รพ.ปะนาเระ รพ.ยะหริ่ง และ รพ.ทุ่งยางแดง ที่ได้รับผลกระทบสำคัญคือ ห้องฟอกไต รพ.สายบุรี น้ำเข้าระบบ ทำให้ต้องส่งต่อผู้ป่วยไป รพ.ค่ายอิงคยุทธฯ และรพ.ปัตตานี มีการตั้งศูนย์พักพิง 11 แห่ง ดูแลแล้ว 193 คน เบื้องต้นได้ระดมทีมแพทย์และพยาบาลคัดกรองในศูนย์พักพิงทุกแห่ง จัดระบบส่งต่อผู้ป่วยไตวายจากรพ.สายบุรี พร้อมทำงานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่น้ำท่วมเสี่ยงพิเศษ และเฝ้าระวังการระบาดของโรคในกลุ่มเด็กเล็กในชุมชนทุ่งยางแดง–ยะรัง และ 6) ยะลา ยังไม่มีหน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ แต่ได้เปิดระบบเฝ้าระวังโรคหลังน้ำหลาก เนื่องจากพื้นที่เป็นเขาสูง พร้อมติดตามประชาชนในพื้นที่เสี่ยงดินสไลด์ และตรวจเยี่ยมครอบครัวกลุ่มเปราะบางร่วมกับ อสม.
"ทุกจังหวัดยังต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และปริมาณน้ำฝนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่มต่ำและริมน้ำ ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ นอกจากสื่อสารความเสี่ยงภัยสุขภาพจากน้ำท่วม ให้เฝ้าระวังโรคต่างๆ อาทิ เลปโตสไปโรสิส อาหารเป็นพิษ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ที่มีโอกาสพบการป่วยเพิ่มขึ้นได้ในช่วงนี้ ส่วน จ.นราธิวาส ที่ยังไม่เกิดสถานการณ์ ได้ให้เปิด Alert Mode เฝ้าระวังระดับลำน้ำตากใบ ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง 5 จุดที่มีระดับน้ำสูงกว่า 80% พร้อมจัดทีม SRRT ติดตามโรคที่มากับน้ำ" นพ.อภิชาตกล่าว


