xs
xsm
sm
md
lg

สธ.- กทม. รวมพลังปกป้องชาวกรุงจากภัย PM2.5 ให้มีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมรณรงค์รวมพลังป้องกันฝุ่น PM2.5 “รู้ทันฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” มุ่งสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ชาวกรุงเทพมหานคร พร้อมเชื่อมโยงระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศและสุขภาพ เพื่อป้องกันผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน รวมทั้งมอบหน้ากากอนามัย N95 และมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานกลางแจ้ง และกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้ป่วยติดเตียง ช่วยลดการสัมผัสฝุ่น PM 2.5

วันนี้ (10 พฤศจิกายน 2568) ที่ อาคารทำการศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดงานรณรงค์รวมพลังป้องกันฝุ่น PM2.5 “รู้ทันฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” พร้อมมอบหน้ากากอนามัย N95 และมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานกลางแจ้งและกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะพึ่งพิงหรือผู้ป่วยติดเตียง เพื่อช่วยลดการสัมผัสฝุ่น PM2.5 โดยมี แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมงาน โดยนายพัฒนากล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาฝุ่น PM2.5 จึงมีการดำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยมุ่งเน้นไปที่การลดปริมาณฝุ่นที่ต้นทาง ทั้งการควบคุมการเผา การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการรองรับ ได้แก่ 1) การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ 2) ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ 3) จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข และ 4) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการผ่านการยกระดับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (PHEOC)

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้กำหนดแนวทาง “สุขภาพดี วิถีปลอดฝุ่น” มุ่งเน้นการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ โดยร่วมกันพัฒนาและเชื่อมโยงระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศและสุขภาพประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน AirBKK และ 4Health การคุ้มครองสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น สนับสนุนหน้ากากกันฝุ่น PM2.5 สำหรับเจ้าหน้าที่ภาคสนามและกลุ่มอาชีพที่ต้องอยู่กลางแจ้ง การตรวจสุขภาพกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 การขยายบริการคลินิกสู้ฝุ่นในโรงพยาบาลต่าง ๆ และการสนับสนุน “มุ้งสู้ฝุ่น” ให้กับกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุในพื้นที่ รวมถึงดำเนินการเชิงรุกในการสร้างองค์ความรู้ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ในชุมชน โรงเรียน และสถานประกอบการ เกี่ยวกับวิธีป้องกันผลกระทบจากฝุ่นในชีวิตประจำวัน และบูรณาการเชิงนโยบายและแผนปฏิบัติการร่วมกัน เพื่อลดการเจ็บป่วยจากโรคทางเดินหายใจ และเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพเชิงรุกของประชาชนในเขตเมือง ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ จะเน้นสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบทางสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 พร้อมส่งเสริมให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ทำงานกลางแจ้ง ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ดูแล สามารถป้องกันตนเองได้อย่างถูกวิธี

ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า กิจกรรมรณรงค์รวมพลังป้องกันฝุ่น PM2.5 “รู้ทันฝุ่น PM2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน” เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองของกรุงเทพมหานคร ตามนโยบาย “9 ดี” โดยเฉพาะด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมดี ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มุ่งลดและควบคุมฝุ่นที่ต้นตอ มีการประกาศพื้นที่ Low Emission Zone ลดฝุ่นในพื้นที่หนาแน่น มีแคมเปญรถคันนี้ลดฝุ่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ห้องเรียนปลอดฝุ่นสำหรับเด็กเล็ก เกษตรปลอดฝุ่น ให้ยืมรถอัดฟางเพื่อลดการเผาตอซัง การเพิ่มพื้นที่ สีเขียว ปลูกต้นไม้ 1.8 ล้านต้น พัฒนาสวน 15 นาที ใกล้บ้าน เพื่อสร้างกำแพงสีเขียวช่วยกรองฝุ่น ซึ่งกรุงเทพมหานครจะไม่หยุดยั้งในการดำเนินงานเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 และจะสนับสนุนส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยลดฝุ่น PM2.5 ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์เอนก กล่าวว่า เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคจากมลพิษอากาศให้เข้าถึงพี่น้องประชาชนมากขึ้น กรมควบคุมโรคโดยกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ได้พัฒนาระบบการแจ้ง ผู้ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 โดยสามารถแจ้งผ่าน Line OA EnvOccLaw เมนูสายลับสู้ฝุ่น เพื่อแจ้งสถานที่ที่มีฝุ่น PM2.5 สูง อาการต่างๆ เช่น ผื่นแดง แสบตา ตาแดง หายใจลำบาก หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก จำนวนคนที่มีอาการเดียวกันเพื่อเฝ้าระวังการป่วยเป็นกลุ่มก้อน ระยะเวลาที่มีอาการ โดยกรมควบคุมโรคจะนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนดำเนินงาน การสอบสวนโรค และดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป

แพทย์หญิงอัมพร กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ปีที่ผ่านมา มีช่วงวิกฤตตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 - 31 พฤษภาคม 2568 ค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อน สำหรับพื้นที่ กทม. และปริมณฑล มีช่วงเวลาที่ต้องเฝ้าระวัง คือ เดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ เนื่องจากสภาพอากาศและได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาในพื้นที่โล่งโดยรอบ กรมอนามัยจึงเตรียมความพร้อมป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยมอบหมายให้ทีมปฏิบัติการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ SEhRT ในทุกเขตสุขภาพออกสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน สนับสนุนให้สถานบริการสาธารณสุข ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ และเตรียมยกระดับการปฏิบัติการหากสถานการณ์ฝุ่น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อดูแลสุขภาพและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านทางเว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชั่น “Air4Thai” หรือ “Life dee”














กำลังโหลดความคิดเห็น