(4 พ.ย. 68) เวลา 17.00 น. นายไทวุฒิ ขันแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร ประชุมติดตามภารกิจการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างถูกต้อง มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และถวายพระเกียรติสูงสุด โดยมี นายจิระเดช กรุณกฤตกุล รองปลัดกรุงเทพมหานครพร้อมด้วย ผู้บริหารสำนัก หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์ประสานงานจิตอาสาพระราชทาน (ศอ.จอส.พระราชทาน) ภาค 1 (ส่วนหน้า) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ศูนย์อำนวยการสนามหลวง เขตพระนคร
ในที่ประชุม รองปลัดฯ ไทวุฒิ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับประชาชนที่จะเดินทางมาเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันที่ 9 พ.ย. 68 โดยคาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากทั้งจากในกรุงเทพมหานครและจากต่างจังหวัด จึงมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงบริการและเส้นทาง เพื่อให้การบริการมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น อาจมีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง จุดพักคอย และจุดรับส่งเล็กน้อยในบางจุด พร้อมทั้งเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับประชาชน อาทิ การเพิ่มจำนวนวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ การเพิ่มจำนวนรถกอล์ฟไฟฟ้าสำหรับบริการรับส่ง และการเพิ่มเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในจุดต่าง ๆ
อีกทั้งในวันเดียวกันพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตามปกติ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาในวันดังกล่าว จึงมอบหมายทุกหน่วยงานเตรียมการในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดแก่ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ
ทั้งนี้ ที่ประชุมรายงานผลการดำเนินงานประจำวัน ประกอบด้วย
สถิติผู้เข้าถวายสักการะ:
ในวันนี้มีประชาชนที่ผ่านประตูมณีนพรัตน์ เข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง จำนวน 2,231 คน ทำให้จำนวนสะสมรวมทั้งหมดเป็น 27,707 คน
ด้านบริการอำนวยความสะดวก:
กรุงเทพมหานครได้จัดเต็นท์พักคอยและเก้าอี้นั่งพักสำหรับประชาชน พร้อมจัดเตรียมวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ โดยในวันนี้มีผู้ใช้บริการรวม 38 คน (ชาย 5 คน หญิง 33 คน) นอกจากนี้ยังจัดรถกอล์ฟไฟฟ้าบริการรับส่งผู้สูงอายุบริเวณถนนผ่านกลางสนามหลวง มีผู้ใช้บริการ 275 คน พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่สื่อสารและล่ามอาสาภาษาต่างประเทศเพื่อให้ข้อมูลแก่ชาวต่างชาติ
ด้านสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม:
การจัดบริการสุขาประกอบด้วยรถสุขาเคลื่อนที่ 14 คัน และตู้สุขาผู้สูงอายุ 10 ตู้ กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้ ภายในสนามหลวง 11 คัน และตู้สุขา 10 ตู้ แบ่งเป็นฝั่งตรงข้ามวัดมหาธาตุ 6 คัน และตู้สุขาบริการผู้สูงอายุ 10 ตู้ จุดตรงข้ามพระแม่ธรณี 4 คัน และตรงข้ามศาลฎีกา 1 คัน ที่ถนนหับเผย 1 คัน และภายในพระบรมมหาราชวัง 2 คัน ประกอบด้วยตู้สุขาลากจูง 1 ตู้ และรถสุขา 1 คัน
สำหรับการจัดการสิ่งปฏิกูล มีการจัดรถสูบปฏิกูลและรถบรรทุกปฏิกูลบริเวณฝั่งตรงข้ามพระแม่ธรณี โดยดำเนินการสูบปฏิกูล 3 รอบต่อวัน คือ เช้า กลางวัน และเย็น
การจัดการขยะดำเนินการโดยจัดจุดทิ้งขยะ 10 จุด มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดพร้อมให้คำแนะนำในการคัดแยกขยะ ในวันนี้สามารถจัดเก็บมูลฝอยได้รวม 304 กิโลกรัม แบ่งเป็นมูลฝอยทั่วไป 101 กิโลกรัม มูลฝอยรีไซเคิล 104 กิโลกรัม และมูลฝอยเศษอาหาร 99 กิโลกรัม
ด้านบริการให้ยืมเครื่องแต่งกาย:
มีการจัดจุดยืมผ้าถุงและกางเกงบริเวณอุโมงค์หน้าพระลาน ในวันนี้มีประชาชนใช้บริการรวม 336 ราย แบ่งเป็นชาวไทย 328 ราย และชาวต่างชาติ 8 ราย โดยใช้บริการยืมผ้าถุง 315 ราย และยืมกางเกง 21 ราย โดยผ้าถุงและกางเกงที่ให้ยืมจะได้รับการซักรีดทำความสะอาดทุกครั้งก่อนนำมาให้ประชาชนยืมใช้ใหม่
ด้านบริการทางการแพทย์และพยาบาล:
การจัดบริการทางการแพทย์ครอบคลุม 12 จุด ได้แก่ บริเวณอุโมงค์พระลาน 2 จุด เต็นท์พักคอย (สนามหลวง) 2 จุด จุดพักคอยฝั่งธรรมศาสตร์ 1 จุด จุดโรงครัวพระราชทาน 1 จุด เมธาวลัย 1 จุด พระแม่ธรณีบีบมวยผม 1 จุด สน.พระราชวัง 1 จุด สน.สำราญราษฎร์ 1 จุด สน.นางเลิ้ง 1 จุด และถนนหับเผย 1 จุด
ทีมแพทย์-พยาบาลได้ตรวจเยี่ยมและให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพประชาชนตลอดวัน โดยมีผู้รับบริการทางการแพทย์รวม 968 คน ประกอบด้วย การนำส่งโรงพยาบาล 1 คน ผู้ป่วยที่มีอาการทั่วไป 30 คน การปฐมพยาบาลโดยไม่ต้องรับการตรวจจากแพทย์ 482 คน และการรับเวชภัณฑ์ 485 คน
ด้านความปลอดภัย:
มีการจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกตลอดพื้นที่ร่วมกับตำรวจ ติดตั้งกล้อง CCTV เตรียมรถดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ใกล้เคียง และวางถังดับเพลิงบริเวณสถานที่ประกอบอาหาร
นอกจากนี้ยังจัดเจ้าหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบอาหารภายในโรงครัวพระราชทาน เกี่ยวกับการใช้ก๊าซหุงต้มและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ปลอดภัย รวมถึงวิธีการใช้ถังดับเพลิงเพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้เบื้องต้น



