มติมหาเถรฯ แนวทางการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ พศ 0007/ว332 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2568 แจ้งว่า ตามประกาศสำนักพระราชวัง ว่า ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่างๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น
ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปกติทางระบบต่างๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่าง สุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระบรมศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในพระราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปีตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป
เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงขออนุญาตเสนอเป็นเรื่องเวียนเพื่อขอความเห็นชอบ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ทำหนังสือเวียนกรรมการมหาเถรสมาคมเป็นรายรูปแล้ว ทุกรูปเห็นชอบและมีมติให้คณะสงฆ์ วัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ ดำเนินการดังนี้
1. จัดโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระฉายาลักษณ์ หรือพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมตั้งเครื่องราชสักการะ ประกอบด้วยเครื่องทองน้อย 1 สำรับ หรือกระถางธูป ปักธูปหาง 3 ดอก เชิงเทียน 1 คู่ ก็ได้ ตามบริบทที่วัดสามารถจัดหาได้ พร้อมพุ่มดอกไม้และแจกันดอกไม้ตามความเหมาะสม ภายในพระอุโบสถหรืออุโบสถ หรือสถานที่บำเพ็ญกุศลซึ่งสมพระเกียรติภายในวัด และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถวายบังคม
2. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์ หรือสวดพระอภิธรรม อุทิศถวายพระราชกุศล ตามเวลาที่เหมาะสมของแต่ละวัดและชุมชน ประจำทุกวันเป็นเวลา 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
3. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศถวายพระราชกุศล เมื่อเสด็จสวรรคตครบสัตตมวาร (7 วัน) ในวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ปัณรสมวาร (15 วัน) ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ปัญญาสมวาร (50 วัน) ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 และสตมวาร (100 วัน) ในวันที่ 31 มกราคม 2569 ด้วยการบำเพ็ญกุศลต่างๆ ตามบริบทที่เหมาะสมของแต่ละวัดและชุมชน เช่น การทำบุญตักบาตร การแสดงพระธรรมเทศนา การสวดพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเช้าหรือเพล การสวดพระพุทธมนต์ และถวายวัตถุปัจจัยสังฆทานในเวลาบ่ายหรือเย็น การสวดมาติกา-สดับปกรณ์พระฉายาลักษณ์หรือพระสาทิสลักษณ์ เป็นต้น
4. ให้สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมถวายพระราชกุศลเป็นกรณีพิเศษ เมื่อเสด็จสวรรคตครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัณรสมวาร (15 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน)
5. ให้คณะสงฆ์เจริญจิตตภาวนาเพื่ออุทิศถวายพระราชกุศล ภายหลังทำวัตรสวดมนต์เย็น เป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลาตามประกาศไว้ทุกข์ในพระราชสำนัก
6. เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญกุศลด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศล ตลอดระยะเวลาตามประกาศไว้ทุกข์ในพระราชสำนัก


