หมอศิริราชเจ๋ง! ผลิตวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นครั้งแรกในอาเซียน ชี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าวัคซีนกว่าปีละ 360 ล้านบาท เผยคนไทยป่วยเป็นภูมิแพ้สูงถึง 18 ล้านคน สูญเงินมากกว่า 2,400 ล้านบาทต่อปี เตรียมสร้างโรงงานผลิตวัคซีนเองพร้อมส่งขายทั่วโลก
วันนี้ (17 พ.ค.) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จัดแถลงข่าว “ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศิริราชผลิตวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นครบวงจร ได้มาตรฐานสากล มุ่งสู่ภาคอุตสาหกรรม” ร่วมกับบริษัท โรงงานเภสัชกรรม เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ บุนนาค ในฐานะประธานกรรมการดำเนินงานฯ กล่าวว่า ในช่วงเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา อุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหืด และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้สูงขึ้นทุกปี และมากถึง 3-4 เท่าภายในเวลา 20 ปี จากข้อมูลในปี 2549 รัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูงเป็นเงินมากกว่า 2,400 ล้านบาทต่อปี และหนึ่งในนั้นคือภูมิแพ้ ซึ่งมีราคาแพง ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมค่าตรวจ ค่ารับตัวรักษาในโรงพยาบาล
นับเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังในคนไทยที่สำคัญที่สุดโรคหนึ่ง เนื่องจากมีคนไทยถึง 18 ล้านคน ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญมาจากภาวะภูมิแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ จากผลการศึกษาหลายแห่งพบว่า “ไรฝุ่น” เป็นสารก่อภูมิแพ้ต่อระบบทางเดินหายใจมากที่สุด พบผู้ป่วยเด็กร้อยละ 70 ผู้ป่วยผู้ใหญ่ร้อยละ 70-90 และคนทั่วไปร้อยละ 30 ที่แพ้ไรฝุ่น
ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เลือกศึกษาไรฝุ่นจนผลิตวัคซีนภูมิแพ้ ส่วนหนึ่งมาจากศิริราชมีการเพาะเลี้ยงไรฝุ่นชนิด Dermatophagoides pteronyssinus และ Dermatophagoides farinae ซึ่งเป็นไรฝุ่นที่พบบ่อยในฝุ่นบ้านและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ในคนไทย โดยสามารถผลิตไรฝุ่นบริสุทธิ์ได้ถึงร้อยละ 99 ทั้งยังผ่านการรับรองคุณภาพจาก National University of Singapore ซึ่งขณะนี้ส่งออกตำหน่ายแก่นักวิจัยในประเทศต่างๆ อาทิ สิงคโปร์ ประเทศจีน ประกอบกับมีความเชี่ยวชาญในการผลิตน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้และวัคซีนสำหรับตรวจและรักษาโรคภูมิแพ้เพื่อใช้เองมานานกว่า 30 ปี ทำให้มีศักยภาพสูงในระดับแนวหน้าของกลุ่มประเทศอาเซียนในการผลิตดังกล่าว
และที่สำคัญยังไม่เคยมีใครในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผลิตออกมาจำหน่าย จากการสำรวจทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าศิริราชน่าจะเป็นรายแรกที่ผลิตวัคซีนไรฝุ่นเพื่อจำหน่ายที่ครบวงจรในภูมิภาคนี้ โดยวัคซีนที่ผลิตจะได้มาตรฐานขององค์กรอนามัยโลกและองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา
“สำหรับการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ป่วยนั้นจะแบ่งเป็นระยะ โดยใน 5-6 เดือนแรกจะให้ฉีดสัปดาห์ละครั้ง จนกระทั่งได้ความเข้มขนพอและหลังจากนั้นให้เว้นระยะห่างเป็นฉีด 1 ครั้งต่อเดือน สุดท้ายลดลงมา 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง นาน 3-5 ปี จึงจะหยุดฉีดได้ และเนื่องจากโรคภูมิแพ้เกิดมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรมจึงยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น หลังรับวัคซีนไปแล้วในผู้ป่วยบางรายก็หายเป็นปกติ แต่ในบางรายยังต้องเข้ามารับวัคซีนแต่จะเว้นระยะไม่เกิดอาการค่อนข้างนาน ซึ่งการรักษาในครั้งหนึ่งประมาณ 800-1,000 บาท แต่ถ้าวัคซีนไรฝุ่นที่เราผลิตได้เองสามารถนำออกมาใช้ได้นั้นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึงประมาณปีละ 360 ล้านบาทต่อปี"
สำหรับไรฝุ่นนั้นเป็นสัตว์ขาข้อ ที่มีขนาดเล็กประมาณ 0.1-1.0 มม. มีสีขาวคล้ายฝุ่นจึงมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก พบมากในมูลไรตามที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม และผ้าม่าน ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น มักจะมีอาการคัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา คันคอไอ หรือหอบหืดในเวลากลางคืนหรือช่วงตื่นนอน สำหรับการรักษานั้น แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1. การกำจัดหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และการดูแลรักษาสุขภาพทั่วไป 2. การรักษาโดยการใช้ยา และ 3.การรักษาด้วยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ กล่าว
ด้านนายเชิญพร เต็งอำนวย กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงงานเภสัชกรรม เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด กล่าวว่าการผลิตวัคซีนไรฝุ่นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในอาเซียน ซึ่งต่อไปจะมีการพัฒนาสร้างโรงงานผลิตวัคซีนตัวนี้ต่อไป ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะต้องรอให้วัคซีนดังกล่าวนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. ก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเนื่องจากราคาวัคซีนไรฝุ่นที่นำเข้าในปัจจุบันมีราคาแพง หากไทยสามารถผลิตได้เองเช่นนี้จะช่วยลดต้นทุนได้มาก เมื่อเปรียบเทียบกับราคาในท้องตลาดทั่วไปจะต้องประหยัดราคาไม่ต่ำกว่า 50% แน่นอน รวมทั้งจะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้มากในอนาคต
วันนี้ (17 พ.ค.) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จัดแถลงข่าว “ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศิริราชผลิตวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นครบวงจร ได้มาตรฐานสากล มุ่งสู่ภาคอุตสาหกรรม” ร่วมกับบริษัท โรงงานเภสัชกรรม เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ บุนนาค ในฐานะประธานกรรมการดำเนินงานฯ กล่าวว่า ในช่วงเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา อุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหืด และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้สูงขึ้นทุกปี และมากถึง 3-4 เท่าภายในเวลา 20 ปี จากข้อมูลในปี 2549 รัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูงเป็นเงินมากกว่า 2,400 ล้านบาทต่อปี และหนึ่งในนั้นคือภูมิแพ้ ซึ่งมีราคาแพง ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมค่าตรวจ ค่ารับตัวรักษาในโรงพยาบาล
นับเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังในคนไทยที่สำคัญที่สุดโรคหนึ่ง เนื่องจากมีคนไทยถึง 18 ล้านคน ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญมาจากภาวะภูมิแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ จากผลการศึกษาหลายแห่งพบว่า “ไรฝุ่น” เป็นสารก่อภูมิแพ้ต่อระบบทางเดินหายใจมากที่สุด พบผู้ป่วยเด็กร้อยละ 70 ผู้ป่วยผู้ใหญ่ร้อยละ 70-90 และคนทั่วไปร้อยละ 30 ที่แพ้ไรฝุ่น
ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เลือกศึกษาไรฝุ่นจนผลิตวัคซีนภูมิแพ้ ส่วนหนึ่งมาจากศิริราชมีการเพาะเลี้ยงไรฝุ่นชนิด Dermatophagoides pteronyssinus และ Dermatophagoides farinae ซึ่งเป็นไรฝุ่นที่พบบ่อยในฝุ่นบ้านและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ในคนไทย โดยสามารถผลิตไรฝุ่นบริสุทธิ์ได้ถึงร้อยละ 99 ทั้งยังผ่านการรับรองคุณภาพจาก National University of Singapore ซึ่งขณะนี้ส่งออกตำหน่ายแก่นักวิจัยในประเทศต่างๆ อาทิ สิงคโปร์ ประเทศจีน ประกอบกับมีความเชี่ยวชาญในการผลิตน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้และวัคซีนสำหรับตรวจและรักษาโรคภูมิแพ้เพื่อใช้เองมานานกว่า 30 ปี ทำให้มีศักยภาพสูงในระดับแนวหน้าของกลุ่มประเทศอาเซียนในการผลิตดังกล่าว
และที่สำคัญยังไม่เคยมีใครในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผลิตออกมาจำหน่าย จากการสำรวจทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าศิริราชน่าจะเป็นรายแรกที่ผลิตวัคซีนไรฝุ่นเพื่อจำหน่ายที่ครบวงจรในภูมิภาคนี้ โดยวัคซีนที่ผลิตจะได้มาตรฐานขององค์กรอนามัยโลกและองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา
“สำหรับการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ป่วยนั้นจะแบ่งเป็นระยะ โดยใน 5-6 เดือนแรกจะให้ฉีดสัปดาห์ละครั้ง จนกระทั่งได้ความเข้มขนพอและหลังจากนั้นให้เว้นระยะห่างเป็นฉีด 1 ครั้งต่อเดือน สุดท้ายลดลงมา 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง นาน 3-5 ปี จึงจะหยุดฉีดได้ และเนื่องจากโรคภูมิแพ้เกิดมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรมจึงยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น หลังรับวัคซีนไปแล้วในผู้ป่วยบางรายก็หายเป็นปกติ แต่ในบางรายยังต้องเข้ามารับวัคซีนแต่จะเว้นระยะไม่เกิดอาการค่อนข้างนาน ซึ่งการรักษาในครั้งหนึ่งประมาณ 800-1,000 บาท แต่ถ้าวัคซีนไรฝุ่นที่เราผลิตได้เองสามารถนำออกมาใช้ได้นั้นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึงประมาณปีละ 360 ล้านบาทต่อปี"
สำหรับไรฝุ่นนั้นเป็นสัตว์ขาข้อ ที่มีขนาดเล็กประมาณ 0.1-1.0 มม. มีสีขาวคล้ายฝุ่นจึงมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก พบมากในมูลไรตามที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม และผ้าม่าน ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น มักจะมีอาการคัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา คันคอไอ หรือหอบหืดในเวลากลางคืนหรือช่วงตื่นนอน สำหรับการรักษานั้น แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1. การกำจัดหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และการดูแลรักษาสุขภาพทั่วไป 2. การรักษาโดยการใช้ยา และ 3.การรักษาด้วยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ ศ.เกียรติคุณ พญ.ฉวีวรรณ กล่าว
ด้านนายเชิญพร เต็งอำนวย กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงงานเภสัชกรรม เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด กล่าวว่าการผลิตวัคซีนไรฝุ่นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในอาเซียน ซึ่งต่อไปจะมีการพัฒนาสร้างโรงงานผลิตวัคซีนตัวนี้ต่อไป ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะต้องรอให้วัคซีนดังกล่าวนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. ก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเนื่องจากราคาวัคซีนไรฝุ่นที่นำเข้าในปัจจุบันมีราคาแพง หากไทยสามารถผลิตได้เองเช่นนี้จะช่วยลดต้นทุนได้มาก เมื่อเปรียบเทียบกับราคาในท้องตลาดทั่วไปจะต้องประหยัดราคาไม่ต่ำกว่า 50% แน่นอน รวมทั้งจะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้มากในอนาคต