องคมนตรี ชี้ เศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวบุคคล และองค์กรทุกระดับที่นำไปปฏิบัติ เป็นภูมิคุ้มกันและนำมาซึ่งความสุข เป็นรากฐานรองรับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลก รวมทั้งไม่เคยทำลายเศรษฐกิจหลักของประเทศเหมือนที่บางคนกล่าวอ้าง แม้สหประชาชาติก็ยังยอมรับปรัชญา ศก.พอเพียง พร้อมเผยในหลวงทรงมีรับสั่งว่า มีของหรูหรา แบรนด์เนมได้ แต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น
ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี แสดงปาฐกถาเกียรติยศ เรื่อง การแพทย์กับเศรษฐกิจพอเพียง ในการประชุมวิชาการศิริราช ครั้งที่ 46 ที่หอประชุมกองทัพเรือว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักปรัชญาที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับบุคคล หน่วยงานองค์กรทุกระดับ ทุกฐานะ โดยต้องคำนึงถึงหลักวิชาการอย่างมีเหตุมีผล ก่อนจะสรุปมาเป็นหลักปฏิบัติ ทั้งนี้ เศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคคล หรือหน่วยงานที่ยึดปฏิบัติ เพื่อเป็นฐานรากรองรับการเปลี่ยนแปลง หรือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโลกาภิวัตน์ และจะนำมาซึ่งความสุขในการดำเนินชีวิต โดยจะมีภูมิคุ้มกันต่อความเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม หรือวัฒนธรรม
ศ.นพ.เกษม กล่าวว่า ตนขอยกตัวอย่างถึงการดำเนินงานของศิริราช หากเกิดความเปลี่ยนแปลงเรื่องการเมือง หรือผู้บริหารเปลี่ยน ถ้าใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะยังคงความเข้มแข็งในคุณภาพไว้ได้ และมีแต่จะดีขึ้น ทั้งนี้ การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้มีเงื่อนไข 3 ประการ คือ เงื่อนไขด้านหลักวิชาการที่จะต้องมีความสมเหตุสมผล เงื่อนไขด้านคุณธรรม และเงื่อนไขด้านการดำเนินชีวิต เช่น ความอดทน ความเพียร ความขยัน ส่วนเรื่องความพอประมาณ ไม่ใช่การขี้เหนียวจนสุดโต่ง แต่เป็นทางสายกลาง คือ ความประหยัด พอดี พอเหมาะต่อความจำเป็นตามอัตภาพ การรักษาหน้าหรือลัทธิเอาอย่างนั้นไม่เป็นผลดี
ศ.นพ.เกษม กล่าวอีกว่า ทางสหประชาชาติได้ยอมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งนักวิชาการต่างชาติเข้ามาฝังตัวศึกษาชุมชนที่ใช้เศรษฐกิจพอเพียงอย่างเจาะลึก ซึ่งพบว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้มีความขัดแย้งกับเศรษฐกิจกระแสหลัก หรือมีส่วนทำลายการใช้จ่าย และระบบเศรษฐกิจอย่างที่มีบางคนกล่าวอ้าง
“ความพอเพียงนี้อาจจะมีมาก หรือเป็นมหาเศรษฐีก็ได้ มีคนไปบิดเบือนว่า ปรัชญานี้จะทำให้เศรษฐกิจถดถอย คนจะไม่มีเงิน แต่ไม่ใช่เลย เมื่อ 2 เดือนก่อน มีสมาคมเกี่ยวกับของฟุ่มเฟือยออกมาโจมตีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า ทำให้ของฟุ่มเฟือยจากต่างประเทศยอดขายตกต่ำลง ที่จริงไม่ใช่ ที่ตกต่ำลงช่วงนี้ เพราะคนไทยเป็นหนี้บานตะเกียงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งไว้ว่า อาจจะมีของหรูหรา ของแบรนด์เนม เชิญตามสบาย แต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น” องคมนตรี กล่าว
ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี แสดงปาฐกถาเกียรติยศ เรื่อง การแพทย์กับเศรษฐกิจพอเพียง ในการประชุมวิชาการศิริราช ครั้งที่ 46 ที่หอประชุมกองทัพเรือว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักปรัชญาที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับบุคคล หน่วยงานองค์กรทุกระดับ ทุกฐานะ โดยต้องคำนึงถึงหลักวิชาการอย่างมีเหตุมีผล ก่อนจะสรุปมาเป็นหลักปฏิบัติ ทั้งนี้ เศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคคล หรือหน่วยงานที่ยึดปฏิบัติ เพื่อเป็นฐานรากรองรับการเปลี่ยนแปลง หรือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโลกาภิวัตน์ และจะนำมาซึ่งความสุขในการดำเนินชีวิต โดยจะมีภูมิคุ้มกันต่อความเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม หรือวัฒนธรรม
ศ.นพ.เกษม กล่าวว่า ตนขอยกตัวอย่างถึงการดำเนินงานของศิริราช หากเกิดความเปลี่ยนแปลงเรื่องการเมือง หรือผู้บริหารเปลี่ยน ถ้าใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะยังคงความเข้มแข็งในคุณภาพไว้ได้ และมีแต่จะดีขึ้น ทั้งนี้ การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้มีเงื่อนไข 3 ประการ คือ เงื่อนไขด้านหลักวิชาการที่จะต้องมีความสมเหตุสมผล เงื่อนไขด้านคุณธรรม และเงื่อนไขด้านการดำเนินชีวิต เช่น ความอดทน ความเพียร ความขยัน ส่วนเรื่องความพอประมาณ ไม่ใช่การขี้เหนียวจนสุดโต่ง แต่เป็นทางสายกลาง คือ ความประหยัด พอดี พอเหมาะต่อความจำเป็นตามอัตภาพ การรักษาหน้าหรือลัทธิเอาอย่างนั้นไม่เป็นผลดี
ศ.นพ.เกษม กล่าวอีกว่า ทางสหประชาชาติได้ยอมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งนักวิชาการต่างชาติเข้ามาฝังตัวศึกษาชุมชนที่ใช้เศรษฐกิจพอเพียงอย่างเจาะลึก ซึ่งพบว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้มีความขัดแย้งกับเศรษฐกิจกระแสหลัก หรือมีส่วนทำลายการใช้จ่าย และระบบเศรษฐกิจอย่างที่มีบางคนกล่าวอ้าง
“ความพอเพียงนี้อาจจะมีมาก หรือเป็นมหาเศรษฐีก็ได้ มีคนไปบิดเบือนว่า ปรัชญานี้จะทำให้เศรษฐกิจถดถอย คนจะไม่มีเงิน แต่ไม่ใช่เลย เมื่อ 2 เดือนก่อน มีสมาคมเกี่ยวกับของฟุ่มเฟือยออกมาโจมตีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า ทำให้ของฟุ่มเฟือยจากต่างประเทศยอดขายตกต่ำลง ที่จริงไม่ใช่ ที่ตกต่ำลงช่วงนี้ เพราะคนไทยเป็นหนี้บานตะเกียงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งไว้ว่า อาจจะมีของหรูหรา ของแบรนด์เนม เชิญตามสบาย แต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น” องคมนตรี กล่าว