“พินิจ”สั่งเฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปากชนิดรุนแรง ต้นเหตุจากเชื้อไวรัสเอนเทอโร 71 ซึ่งพบมากในเด็กเล็ก เด็กอนุบาล เผยข้อมูลน่าห่วงมีเด็ก 8 เดือนตายแล้ว 1 ย้ำต้องควบคุมความสะอาดในโรงเรียนอนุบาล ศูนย์เด็กเล็ก เนิสเซอรี่ สระว่ายน้ำ แนะล้างมือบ่อยๆจะป้องกันการติดเชื้อได้ หากเด็กมีไข้สูง ตุ่มใสตามฝ่ามือหรือฝ่าเท้าหรือปากให้พาไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะถ้าเด็กมีไข้สูงไม่ยอมดื่มน้ำ ไม่รับประทานอาหารหรือหายใจผิดปกติ
นายพินิจ จารุสมบัติ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เฝ้าระวังโรคมือเท้าปากอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ และสั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ซักประวัติ ตรวจร่างกายเด็กอย่างละเอียด เนื่องจากเด็กจะมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก หากติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตได้ ต้องให้วินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้การรักษาทันที และหากเกิดโรคต้องควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด
นายพินิจ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขมีระบบการเฝ้าระวังโรคนี้อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องมาตลอด การป้องกันที่ดีที่สุด ให้ล้างมือให้สะอาดทั้งหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง และก่อนรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ของเล่น แก้วน้ำ รวมทั้งห้ามใช้หลอดดูดน้ำร่วมกันด้วย โดยเฉพาะผู้ปกครองควรล้างมือทุกครั้งหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมและก่อนเตรียมอาหารให้เด็กด้วย หากพบเด็กมีตุ่มใสขึ้นที่ปาก มือ หรือเท้า ห้ามซื้อยากินเอง แนะนำให้พาไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาและแยกเด็กป่วยไม่ให้คลุกคลีกับเด็กอื่นประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
สำหรับสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล ต้องมีวิธีกำจัดอุจจาระให้ถูกต้อง พี่เลี้ยงเด็กต้องล้างมือทุกครั้ง หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมและก่อนเตรียมอาหาร เมื่อพบเด็กป่วยให้หยุดเรียนและไปพบแพทย์ ไม่ลงเล่นน้ำในสระน้ำสาธารณะหรือกับเด็กอื่นๆ ในที่สาธารณะ นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบระดับคลอรีนตกค้างในน้ำประปารวมถึงสระว่ายน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย คือต้องไม่น้อยกว่า 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคมือเท้าปาก เกิดจากเชื้อไวรัส มีหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ค็อกแซกกี่ ชนิดเอและบี รวมทั้งเอ็นเทอโรไวรัส 71 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง เด็กจะได้รับเชื้อไวรัสนี้จากการรับอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสที่กระจายออกมากับอุจจาระ หรือสัมผัสกับละอองน้ำมูก น้ำลายของเด็กที่เป็นโรคนี้ หลังได้รับเชื้อ 4-6 วัน เด็กจะมีไข้สูง อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่กินนม/อาหาร เจ็บคอ ปวดศีรษะ จะมีตุ่มน้ำใสขนาดเล็กหรือแผลที่คอ ปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และตุ่มจะขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น ซึ่งระยะตุ่มน้ำใสนี้มีเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายที่สุดถึงร้อยละ 99 จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสตุ่มน้ำใส โรคนี้ไม่มียาฆ่าเชื้อโดยตรง จะรักษาตามอาการ และเฝ้าระวังอาการที่รุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ชัก ปอดอักเสบ สมองอักเสบ หัวใจล้มเหลว ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้
นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปี2549 ตั้งแต่ 1 มกราคม -30 กรกฎาคม 2549 สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก จากสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดและสำนักอนามัยกรุงเทพฯ มีผู้ป่วย 1,009 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 2-5 ปีมากถึงร้อยละ 95 มี 1 รายอายุ 8 เดือนเกิดจากเชื้อไวรัสหลายตัวแต่ตัวที่รุนแรงชื่อว่า “เอนเทอโรไวรัส 71” มักระบาดเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี โรคนี้แพร่กระจายติดต่อถึงกันได้โดยผ่านทางอุจจาระหรือละอองน้ำมูกน้ำลาย เร่งเผยแพร่ความรู้การป้องกัน โดยเน้นให้ผู้ปกครองดูแลความสะอาดให้มากที่สุด เนื่องจากผู้ใหญ่อาจนำเชื้อมาสู่เด็กได้ และให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
นายพินิจ จารุสมบัติ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เฝ้าระวังโรคมือเท้าปากอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ และสั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ซักประวัติ ตรวจร่างกายเด็กอย่างละเอียด เนื่องจากเด็กจะมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก หากติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตได้ ต้องให้วินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้การรักษาทันที และหากเกิดโรคต้องควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด
นายพินิจ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขมีระบบการเฝ้าระวังโรคนี้อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องมาตลอด การป้องกันที่ดีที่สุด ให้ล้างมือให้สะอาดทั้งหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง และก่อนรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ของเล่น แก้วน้ำ รวมทั้งห้ามใช้หลอดดูดน้ำร่วมกันด้วย โดยเฉพาะผู้ปกครองควรล้างมือทุกครั้งหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมและก่อนเตรียมอาหารให้เด็กด้วย หากพบเด็กมีตุ่มใสขึ้นที่ปาก มือ หรือเท้า ห้ามซื้อยากินเอง แนะนำให้พาไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาและแยกเด็กป่วยไม่ให้คลุกคลีกับเด็กอื่นประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
สำหรับสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล ต้องมีวิธีกำจัดอุจจาระให้ถูกต้อง พี่เลี้ยงเด็กต้องล้างมือทุกครั้ง หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมและก่อนเตรียมอาหาร เมื่อพบเด็กป่วยให้หยุดเรียนและไปพบแพทย์ ไม่ลงเล่นน้ำในสระน้ำสาธารณะหรือกับเด็กอื่นๆ ในที่สาธารณะ นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบระดับคลอรีนตกค้างในน้ำประปารวมถึงสระว่ายน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย คือต้องไม่น้อยกว่า 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคมือเท้าปาก เกิดจากเชื้อไวรัส มีหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ค็อกแซกกี่ ชนิดเอและบี รวมทั้งเอ็นเทอโรไวรัส 71 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง เด็กจะได้รับเชื้อไวรัสนี้จากการรับอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสที่กระจายออกมากับอุจจาระ หรือสัมผัสกับละอองน้ำมูก น้ำลายของเด็กที่เป็นโรคนี้ หลังได้รับเชื้อ 4-6 วัน เด็กจะมีไข้สูง อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่กินนม/อาหาร เจ็บคอ ปวดศีรษะ จะมีตุ่มน้ำใสขนาดเล็กหรือแผลที่คอ ปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และตุ่มจะขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น ซึ่งระยะตุ่มน้ำใสนี้มีเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายที่สุดถึงร้อยละ 99 จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสตุ่มน้ำใส โรคนี้ไม่มียาฆ่าเชื้อโดยตรง จะรักษาตามอาการ และเฝ้าระวังอาการที่รุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ชัก ปอดอักเสบ สมองอักเสบ หัวใจล้มเหลว ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้
นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปี2549 ตั้งแต่ 1 มกราคม -30 กรกฎาคม 2549 สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก จากสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดและสำนักอนามัยกรุงเทพฯ มีผู้ป่วย 1,009 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 2-5 ปีมากถึงร้อยละ 95 มี 1 รายอายุ 8 เดือนเกิดจากเชื้อไวรัสหลายตัวแต่ตัวที่รุนแรงชื่อว่า “เอนเทอโรไวรัส 71” มักระบาดเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี โรคนี้แพร่กระจายติดต่อถึงกันได้โดยผ่านทางอุจจาระหรือละอองน้ำมูกน้ำลาย เร่งเผยแพร่ความรู้การป้องกัน โดยเน้นให้ผู้ปกครองดูแลความสะอาดให้มากที่สุด เนื่องจากผู้ใหญ่อาจนำเชื้อมาสู่เด็กได้ และให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่