“อภิรักษ์” ให้ผู้สมัคร ส.ก. ส.ข. ปชป.ใช้นโยบายผู้ว่าฯ กทม.หาเสียง พร้อมสั่งแจงข้อเท็จจริง 16 โครงการ-ดับเพลิงฉาว ให้ชาวบ้านเข้าใจ พร้อมอธิบายถึงกรณีที่ส่ง “ดี๋ ดอกมะดัน” ลง ส.ก.ว่าทางพรรคคิดดีแล้ว
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภา กทม.(ส.ก.) ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2549 นี้นั้น ในส่วนของพรรคได้เตรียมการหาเสียงโดยจะไม่คิดนโยบายหาเสียงขึ้นมาใหม่ แต่จะนำนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งเป็นนโยบายที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเป้าหมายในการที่จะพัฒนา กทม.ให้เป็นเมืองน่าอยู่ในด้านต่างๆ ทั้งการแก้ไขปัญหาจราจรด้วยการส่งเสริมระบบขนส่งมวลชน การเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่จะพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ การเน้นสภาพแวดล้อม รวมทั้งนโยบายด้านการศึกษาที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง มาประยุกต์เป็นนโยบายที่ใช้หาเสียงสำหรับการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.ซึ่งการหาเสียงแนวทางหาเสียงจะไม่เหมือนไทยรักไทยอยู่แล้วที่เน้นขายเฉพาะประเด็น
อย่างไรก็ตาม นอกจากในเรื่องของนโยบายที่จะใช้หาเสียงแล้วบทบาทของ ส.ก.และ ส.ข. และเรื่องของตัวบุคคลที่จะลงสมัครในเขตนั้นๆ ทางพรรคจะเฟ้นหาตัวบุคคลที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่เพราะการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.จะเป็นเรื่องของความใกล้ชิด ความผูกพันกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งผู้สมัครที่พรรคประชาธิปัตย์คัดมาส่วนใหญ่ก็มีองค์ประกอบดังกล่าวอยู่แล้วและหากเป็น ส.ก.และ ส.ข.เดิมหากแสดงเจตจำนงที่จะลงก็จะได้รับสิทธิ์และให้การสนับสนุนต่อไป
ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่หาเสียงจะให้ผู้สมัครทุกคนอธิบายทุกเรื่องที่เกิดขึ้นใน กทม.ให้กับประชาชนได้เข้าใจทั้งเรื่องโครงการประมูล 16 โครงการ โครงการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่นำ ดี๋ ดอกมะดัน ซึ่งเป็นนักแสดงตลกและเคยมีข่าวพัวพันกับยาเสพติดมาลงสมัครรับเลือก ส.ก.นั้น ขอชี้แจงในภาพรวมสำหรับกระบวนการของการคัดสรรบุคคลที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.นั้น ทางคณะกรรมการคัดสรรของพรรคก็ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ สามารถชี้แจงได้ว่าเหตุผลทำไมถึงเสนอคนนี้ลงสมัคร อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทางพรรคจะส่งใครตนก็มีความมั่นใจ และพร้อมที่จะอธิบายได้อยู่แล้ว
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ได้มีการชักชวน นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีต ส.ก.พรรคไทยรักไทย ซึ่งเคยเป็น ส.ก.เก่าของพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาลงสมัครให้ประชาธิปัตย์ใหม่เพื่อป้องกันการอภิปรายในสภานั้น ตนไม่กลัวการอภิปรายอยู่ และไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว เพราะเรื่องการอภิปรายเป็นกระบวนการส่งเสริมตามระบอบประชาธิปไตย
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภา กทม.(ส.ก.) ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2549 นี้นั้น ในส่วนของพรรคได้เตรียมการหาเสียงโดยจะไม่คิดนโยบายหาเสียงขึ้นมาใหม่ แต่จะนำนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งเป็นนโยบายที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเป้าหมายในการที่จะพัฒนา กทม.ให้เป็นเมืองน่าอยู่ในด้านต่างๆ ทั้งการแก้ไขปัญหาจราจรด้วยการส่งเสริมระบบขนส่งมวลชน การเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่จะพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ การเน้นสภาพแวดล้อม รวมทั้งนโยบายด้านการศึกษาที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง มาประยุกต์เป็นนโยบายที่ใช้หาเสียงสำหรับการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.ซึ่งการหาเสียงแนวทางหาเสียงจะไม่เหมือนไทยรักไทยอยู่แล้วที่เน้นขายเฉพาะประเด็น
อย่างไรก็ตาม นอกจากในเรื่องของนโยบายที่จะใช้หาเสียงแล้วบทบาทของ ส.ก.และ ส.ข. และเรื่องของตัวบุคคลที่จะลงสมัครในเขตนั้นๆ ทางพรรคจะเฟ้นหาตัวบุคคลที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่เพราะการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.จะเป็นเรื่องของความใกล้ชิด ความผูกพันกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งผู้สมัครที่พรรคประชาธิปัตย์คัดมาส่วนใหญ่ก็มีองค์ประกอบดังกล่าวอยู่แล้วและหากเป็น ส.ก.และ ส.ข.เดิมหากแสดงเจตจำนงที่จะลงก็จะได้รับสิทธิ์และให้การสนับสนุนต่อไป
ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่หาเสียงจะให้ผู้สมัครทุกคนอธิบายทุกเรื่องที่เกิดขึ้นใน กทม.ให้กับประชาชนได้เข้าใจทั้งเรื่องโครงการประมูล 16 โครงการ โครงการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่นำ ดี๋ ดอกมะดัน ซึ่งเป็นนักแสดงตลกและเคยมีข่าวพัวพันกับยาเสพติดมาลงสมัครรับเลือก ส.ก.นั้น ขอชี้แจงในภาพรวมสำหรับกระบวนการของการคัดสรรบุคคลที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.นั้น ทางคณะกรรมการคัดสรรของพรรคก็ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ สามารถชี้แจงได้ว่าเหตุผลทำไมถึงเสนอคนนี้ลงสมัคร อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทางพรรคจะส่งใครตนก็มีความมั่นใจ และพร้อมที่จะอธิบายได้อยู่แล้ว
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ได้มีการชักชวน นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีต ส.ก.พรรคไทยรักไทย ซึ่งเคยเป็น ส.ก.เก่าของพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาลงสมัครให้ประชาธิปัตย์ใหม่เพื่อป้องกันการอภิปรายในสภานั้น ตนไม่กลัวการอภิปรายอยู่ และไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว เพราะเรื่องการอภิปรายเป็นกระบวนการส่งเสริมตามระบอบประชาธิปไตย