จุฬาราชมนตรีวอนคนไทยทุกคนมีจิตสำนึกดีในการกระทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสบายพระทัย พร้อมระบุการขอเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 22 ตุลาคม เนื่องจากตรงกับวันตรุษอีดิ้ลฟิตริของศาสนาอิสลาม ส่วนจะเป็นวันใดไม่มีปัญหา พร้อมแนะแก้ปัญหาใต้อย่าแบ่งเชื้อชาติ ศาสนา
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จัดประชุมผู้นำศาสนาอิสลาม ประจำปี 2549 ในวันนี้ (20 พ.ค.) ที่รร.ชาลีนา โดยมีนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม และบรรยายพิเศษ เรื่อง “ในหลวงกับพสกนิกรชาวไทยมุสลิม” โดยจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เคารพผู้ใดจะละเมิดมิได้ ฉะนั้น อยากให้คนไทยทุกคนใช้จิตสำนึกในการกระทำสิ่งต่าง ๆ ว่าจะกระทบกระเทือนถึงเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ ถ้ากระเทือนก็อย่าทำ แต่สิ่งไหนที่ทำแล้วทรงพอพระทัย ก็ให้ทำสิ่งนั้น ถ้าทำได้อย่างนี้ ชาติไทยก็เจริญและจะเกิดความสามัคคี
“การไม่สามัคคี ทรงไม่พอพระทัย เราก็ต้องถวาย จริง ๆ แล้วอยากให้คนไทยทุกคนรักในหลวงด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์ ไม่ควรรักโดยเอาอารมณ์ของเราและไปคิดว่าในหลวงชอบอย่างนี้ ซึ่งเราไปเข้าใจแทนพระองค์ไม่ได้ แต่จิตสำนึกที่แท้จริงเรารู้ดี อยากอ้อนวอนให้คนไทยทุกคนจะทำอันใดก็ตามรู้สึกว่าสิ่งนั้นเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ก็ทำ สิ่งไหนที่ไม่พอพระทัยก็ช่วยกันระงับ จะช่วยให้เกิดความสามัคคี ความกลมเกลียวขึ้นในชาติได้” จุฬาราชมนตรี กล่าว
จุฬาราชมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้สิ่งที่เป็นห่วงอย่างยิ่งคือความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมที่เสื่อมโทรมไปหมด แม้กระทั่งข้าราชการผู้ใหญ่ ยังไปลวนลามแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือตำรวจยศนายพันโทยังถูกลวงไปฆ่าได้แล้วประชาชนจะรอดได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงถึงความสงบสุข ความปลอดภัย ในทรัพย์สิน ชีวิตเลือดเนื้อมีน้อยลงเต็มที่ ในหลักของศาสนาอิสลามนั้น ประเทศจะเจริญได้ทุกคนต้องคุ้มครองซึ่งกันและกัน คือให้ความปลอดภัยในชีวิตเลือดเนื้อ ให้ความปลอดภัยในทรัพย์สมบัติ และให้ความปลอดภัยในเกียรติยศชื่อเสียง จึงขอให้คนไทยคิดถึงบรรพบุรุษที่ได้สร้างสิ่งต่าง ๆ มา และในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เราก็ต้องทำตนให้ดีที่สุด เพราะความสุขของพระองค์ อยู่ที่ความสุขสบายของประชาชน 60 ล้านคน ถ้าประชาชนไม่สบายหรือมีทุกข์ พระองค์จะเป็นผู้รับทุกข์หนักกว่าคนอื่น
จุฬาราชมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ว่า รัฐบาลทำดีแล้ว แต่อยากจะเติมว่า ให้ยึดตามรัฐธรรมนูญ 3 มาตรา ได้แก่ มาตราที่ 5 มาตรา 9 และมาตรา 38 เช่น ชนชาวไทย ไม่ว่าเพศ กำเนิด ศาสนาใด ย่อมมีความคุ้มครองเสมอกัน การพูดภาษามลายูไม่พูดภาษาไทยไม่ควรงถูกแบ่งแยกเป็นเรื่องชนชั้นคนไทยชั้นหนึ่ง ชั้นสอง และในการนับถือศาสนา ไม่ให้รัฐกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการรอนสิทธิ์พึงมีพึงได้ อย่าเอาศาสนามาเป็นเครื่องกีดกัน เช่น การรับราชการ จะเป็นทหาร ตำรวจ เป็นอะไรก็ย่อมจะไม่เสียสิทธิ์ เนื่องจากความแตกต่าง ถ้าทำให้เป็นจริงเหมือนในรัฐธรรมนูญนี้ จะแก้ไขได้มาก
สำหรับการขอเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 22 ตุลาคมนั้น จุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ได้ขอให้ทางราชการให้ความสำคัญแก่พี่น้องมุสลิม ซึ่งมีร้อยละ 10 ในประเทศไทย โดยอย่าจัดในวันสำคัญ เพราะในวันสำคัญนั้น จะต้องประกอบพิธีไปมัสยิด ไปเลี้ยงอาหารคนยากจน และเป็นวันที่จะต้องไปเยี่ยมเยียนตอบแทน คารวะพ่อแม่ เจ้าบุญนายคุณ และครูบาอาจารย์ และไปเยี่ยมสุสาน เพื่อเตรียมตัวและระลึกถึงความตาย ซึ่งมีหลายสิ่ง หากเลี่ยงไม่จัดวันดังกล่าวได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง ซึ่งได้แจ้งให้ทางการทราบแล้ว เพราะการเพิ่มศีลธรรมให้คนมีศีล มีธรรม ยิ่งดีขึ้นส่วนจะเป็นวันไหนก็ได้ แล้วแต่ทางราชการกำหนด
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จัดประชุมผู้นำศาสนาอิสลาม ประจำปี 2549 ในวันนี้ (20 พ.ค.) ที่รร.ชาลีนา โดยมีนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม และบรรยายพิเศษ เรื่อง “ในหลวงกับพสกนิกรชาวไทยมุสลิม” โดยจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เคารพผู้ใดจะละเมิดมิได้ ฉะนั้น อยากให้คนไทยทุกคนใช้จิตสำนึกในการกระทำสิ่งต่าง ๆ ว่าจะกระทบกระเทือนถึงเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ ถ้ากระเทือนก็อย่าทำ แต่สิ่งไหนที่ทำแล้วทรงพอพระทัย ก็ให้ทำสิ่งนั้น ถ้าทำได้อย่างนี้ ชาติไทยก็เจริญและจะเกิดความสามัคคี
“การไม่สามัคคี ทรงไม่พอพระทัย เราก็ต้องถวาย จริง ๆ แล้วอยากให้คนไทยทุกคนรักในหลวงด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์ ไม่ควรรักโดยเอาอารมณ์ของเราและไปคิดว่าในหลวงชอบอย่างนี้ ซึ่งเราไปเข้าใจแทนพระองค์ไม่ได้ แต่จิตสำนึกที่แท้จริงเรารู้ดี อยากอ้อนวอนให้คนไทยทุกคนจะทำอันใดก็ตามรู้สึกว่าสิ่งนั้นเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ก็ทำ สิ่งไหนที่ไม่พอพระทัยก็ช่วยกันระงับ จะช่วยให้เกิดความสามัคคี ความกลมเกลียวขึ้นในชาติได้” จุฬาราชมนตรี กล่าว
จุฬาราชมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้สิ่งที่เป็นห่วงอย่างยิ่งคือความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมที่เสื่อมโทรมไปหมด แม้กระทั่งข้าราชการผู้ใหญ่ ยังไปลวนลามแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือตำรวจยศนายพันโทยังถูกลวงไปฆ่าได้แล้วประชาชนจะรอดได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงถึงความสงบสุข ความปลอดภัย ในทรัพย์สิน ชีวิตเลือดเนื้อมีน้อยลงเต็มที่ ในหลักของศาสนาอิสลามนั้น ประเทศจะเจริญได้ทุกคนต้องคุ้มครองซึ่งกันและกัน คือให้ความปลอดภัยในชีวิตเลือดเนื้อ ให้ความปลอดภัยในทรัพย์สมบัติ และให้ความปลอดภัยในเกียรติยศชื่อเสียง จึงขอให้คนไทยคิดถึงบรรพบุรุษที่ได้สร้างสิ่งต่าง ๆ มา และในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เราก็ต้องทำตนให้ดีที่สุด เพราะความสุขของพระองค์ อยู่ที่ความสุขสบายของประชาชน 60 ล้านคน ถ้าประชาชนไม่สบายหรือมีทุกข์ พระองค์จะเป็นผู้รับทุกข์หนักกว่าคนอื่น
จุฬาราชมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ว่า รัฐบาลทำดีแล้ว แต่อยากจะเติมว่า ให้ยึดตามรัฐธรรมนูญ 3 มาตรา ได้แก่ มาตราที่ 5 มาตรา 9 และมาตรา 38 เช่น ชนชาวไทย ไม่ว่าเพศ กำเนิด ศาสนาใด ย่อมมีความคุ้มครองเสมอกัน การพูดภาษามลายูไม่พูดภาษาไทยไม่ควรงถูกแบ่งแยกเป็นเรื่องชนชั้นคนไทยชั้นหนึ่ง ชั้นสอง และในการนับถือศาสนา ไม่ให้รัฐกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการรอนสิทธิ์พึงมีพึงได้ อย่าเอาศาสนามาเป็นเครื่องกีดกัน เช่น การรับราชการ จะเป็นทหาร ตำรวจ เป็นอะไรก็ย่อมจะไม่เสียสิทธิ์ เนื่องจากความแตกต่าง ถ้าทำให้เป็นจริงเหมือนในรัฐธรรมนูญนี้ จะแก้ไขได้มาก
สำหรับการขอเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 22 ตุลาคมนั้น จุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ได้ขอให้ทางราชการให้ความสำคัญแก่พี่น้องมุสลิม ซึ่งมีร้อยละ 10 ในประเทศไทย โดยอย่าจัดในวันสำคัญ เพราะในวันสำคัญนั้น จะต้องประกอบพิธีไปมัสยิด ไปเลี้ยงอาหารคนยากจน และเป็นวันที่จะต้องไปเยี่ยมเยียนตอบแทน คารวะพ่อแม่ เจ้าบุญนายคุณ และครูบาอาจารย์ และไปเยี่ยมสุสาน เพื่อเตรียมตัวและระลึกถึงความตาย ซึ่งมีหลายสิ่ง หากเลี่ยงไม่จัดวันดังกล่าวได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง ซึ่งได้แจ้งให้ทางการทราบแล้ว เพราะการเพิ่มศีลธรรมให้คนมีศีล มีธรรม ยิ่งดีขึ้นส่วนจะเป็นวันไหนก็ได้ แล้วแต่ทางราชการกำหนด