รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุผลวิจัยพบเด็กไทยมีพัฒนาการด้านภาษาช้าถึงร้อยละ 30 แนะการเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็กให้ดีขึ้น เตรียมนำเครื่องตรวจพัฒนาการเด็กไทยชื่อ “อนามัย 49” ใช้ในคลินิกเด็กดีกว่า 800 แห่ง และศูนย์เด็กเล็กกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ หากพบผิดปกติ จะช่วยแก้ไขให้กลับมาสมวัยได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2549 เพื่อให้เด็กทั่วไป และเด็กป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลซึ่งมีประมาณ 400 กว่าราย ได้ร่วมกิจกรรมวันเด็ก เช่น ซุ้มกิจกรรมด้านสุขภาพ จากเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กรมอนามัย และกิจกรรมบนเวทีของดารานักร้อง
นายอนุทิน กล่าวว่า จากการสำรวจพัฒนาการของเด็กปฐมวัย อายุต่ำกว่า 5 ปี ของกรมอนามัยล่าสุดในปี 2547 พบว่า เด็กไทยมีพัฒนาการตามวัยร้อยละ 70 อีกร้อยละ 30 มีพัฒนาการล่าช้าผิดปกติ ส่วนใหญ่ล่าช้าด้านภาษามากที่สุด เฉลี่ยร้อยละ 16 เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากภาษาเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารให้เข้าใจ เมื่อวิจัยในด้านการเลี้ยงดูเด็กของแม่ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 400 คน ปีเดียวกัน พบ แม่ครึ่งต่อครึ่งเน้นพัฒนาสมองเด็ก ส่วนการสอนเด็กพูด หรือพูดให้เด็กฟัง ซึ่งเป็นการกระตุ้นพัฒนาการทางภาษา มีร้อยละ 46 โดยมีแม่เพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ที่เล่านิทานหรืออ่านนิทานให้ลูกฟัง การเล่านิทาน จะกระตุ้นพัฒนาการทั้งทางด้านภาษา ส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกคิด และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่เด็กเมื่อเติบโตขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ส่งเสริมให้พ่อแม่ผู้ปกครองให้พูดคุย เล่น และเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์ โดยเฉพาะผู้ดูแลเด็กในศูนย์เด็กเล็กซึ่งมีกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ ต้องหันมาเล่านิทานและพูดคุยเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้มากขึ้น
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ในปี 2549 กระทรวงสาธารณสุข จะเน้นการตรวจพัฒนาการเด็ก โดยจัดทำเครื่องตรวจพัฒนาการที่เรียกว่า “อนามัย 49” ที่กรมอนามัยพัฒนาขึ้น ใช้ในคลินิกเด็กดีในสถานพยาบาลกว่า 800 แห่ง และศูนย์เด็กเล็กกว่า 20,000 แห่ง โดยจะมีแบบประเมินพัฒนาการเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วประเทศ ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านสังคมการช่วยเหลือตัวเอง ด้านกล้ามเนื้อการปรับตัว ด้านภาษา และพัฒนาการกล้ามเนื้อใหญ่ หากพบว่าเด็กมีพัฒนาการล่าช้า จะได้รับการกระตุ้นพัฒนาการที่ถูกต้อง เด็กจะสามารถที่จะเติบโตและมีพัฒนาการสมวัยได้
ทางด้านแพทย์หญิงสุรภี เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพเด็กไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่จะป่วยเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมากที่สุด เช่น หวัด หลอดลมอักเสบ ในปีที่ผ่านมา สถาบันสุขภาพเด็กฯ พบทั้งหมด 51,264 ราย รองลงมาเป็นโรคระบบทางเดินอาหารเช่นท้องเสีย 16,545 ราย โรคภูมิแพ้ 9,695 ราย หอบหืด 8,905 ราย โรคเหงือกและฟัน จำนวน 6,511 ราย สำหรับผู้ป่วยเด็กเฉพาะโรคที่ต้องรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง โรคที่พบอันดับ 1 ได้แก่ โรคเลือด รองลงมาได้แก่ โรคหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด ระบบประสาท ปัญหาด้านพฤติกรรมเด็ก โรคตา โรคไต และระบบทางเดินอาหาร โดยผู้ป่วยที่ต้องนอนรับการรักษาในโรงพยาบาลในปี 2548 มี 17,622 ราย กว่า ร้อยละ80 เป็นผู้ป่วยที่รับส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2549 เพื่อให้เด็กทั่วไป และเด็กป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลซึ่งมีประมาณ 400 กว่าราย ได้ร่วมกิจกรรมวันเด็ก เช่น ซุ้มกิจกรรมด้านสุขภาพ จากเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กรมอนามัย และกิจกรรมบนเวทีของดารานักร้อง
นายอนุทิน กล่าวว่า จากการสำรวจพัฒนาการของเด็กปฐมวัย อายุต่ำกว่า 5 ปี ของกรมอนามัยล่าสุดในปี 2547 พบว่า เด็กไทยมีพัฒนาการตามวัยร้อยละ 70 อีกร้อยละ 30 มีพัฒนาการล่าช้าผิดปกติ ส่วนใหญ่ล่าช้าด้านภาษามากที่สุด เฉลี่ยร้อยละ 16 เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากภาษาเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารให้เข้าใจ เมื่อวิจัยในด้านการเลี้ยงดูเด็กของแม่ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 400 คน ปีเดียวกัน พบ แม่ครึ่งต่อครึ่งเน้นพัฒนาสมองเด็ก ส่วนการสอนเด็กพูด หรือพูดให้เด็กฟัง ซึ่งเป็นการกระตุ้นพัฒนาการทางภาษา มีร้อยละ 46 โดยมีแม่เพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ที่เล่านิทานหรืออ่านนิทานให้ลูกฟัง การเล่านิทาน จะกระตุ้นพัฒนาการทั้งทางด้านภาษา ส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกคิด และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่เด็กเมื่อเติบโตขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ส่งเสริมให้พ่อแม่ผู้ปกครองให้พูดคุย เล่น และเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์ โดยเฉพาะผู้ดูแลเด็กในศูนย์เด็กเล็กซึ่งมีกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ ต้องหันมาเล่านิทานและพูดคุยเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้มากขึ้น
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ในปี 2549 กระทรวงสาธารณสุข จะเน้นการตรวจพัฒนาการเด็ก โดยจัดทำเครื่องตรวจพัฒนาการที่เรียกว่า “อนามัย 49” ที่กรมอนามัยพัฒนาขึ้น ใช้ในคลินิกเด็กดีในสถานพยาบาลกว่า 800 แห่ง และศูนย์เด็กเล็กกว่า 20,000 แห่ง โดยจะมีแบบประเมินพัฒนาการเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วประเทศ ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านสังคมการช่วยเหลือตัวเอง ด้านกล้ามเนื้อการปรับตัว ด้านภาษา และพัฒนาการกล้ามเนื้อใหญ่ หากพบว่าเด็กมีพัฒนาการล่าช้า จะได้รับการกระตุ้นพัฒนาการที่ถูกต้อง เด็กจะสามารถที่จะเติบโตและมีพัฒนาการสมวัยได้
ทางด้านแพทย์หญิงสุรภี เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพเด็กไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่จะป่วยเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมากที่สุด เช่น หวัด หลอดลมอักเสบ ในปีที่ผ่านมา สถาบันสุขภาพเด็กฯ พบทั้งหมด 51,264 ราย รองลงมาเป็นโรคระบบทางเดินอาหารเช่นท้องเสีย 16,545 ราย โรคภูมิแพ้ 9,695 ราย หอบหืด 8,905 ราย โรคเหงือกและฟัน จำนวน 6,511 ราย สำหรับผู้ป่วยเด็กเฉพาะโรคที่ต้องรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง โรคที่พบอันดับ 1 ได้แก่ โรคเลือด รองลงมาได้แก่ โรคหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด ระบบประสาท ปัญหาด้านพฤติกรรมเด็ก โรคตา โรคไต และระบบทางเดินอาหาร โดยผู้ป่วยที่ต้องนอนรับการรักษาในโรงพยาบาลในปี 2548 มี 17,622 ราย กว่า ร้อยละ80 เป็นผู้ป่วยที่รับส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่น
