นักกายภาพ เตือนระวังโรคปวดหลัง จากการยกสิ่งของไม่ถูกท่า ยกของน้ำหนักมากเกิน กลุ่มเสี่ยงโรคปวดหลัง พบได้บ่อยในกลุ่มคนอ้วน หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน นักท่องอินเทอร์เน็ต
ผศ.ดร.มัณฑนา วงศ์ศิรินวรัตน์ จากคณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในงานเสวนา “อาการปวดหลัง เป็นปัญหาที่พบบ่อย” จัดโดยมูลนิธิหมอชาวบ้านว่า อาการปวดหลังเป็นสาเหตุที่ทำให้คนวัยแรงงานหยุดงานบ่อยรองจากโรคหวัด สาเหตุของการปวดหลัง ส่วนใหญ่เกิดจากการทำงานเกินกำลัง เช่น ก้มยกของหนัก อุบัติเหตุ สุขภาพทรุดโทรมจากการเจ็บป่วย เช่น มะเร็ง โรคไต ความเครียดวิตกกังวล การเปลี่ยนแปลงอารมณ์โดยเฉพาะหญิงใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือน กล้ามเนื้อลำตัวอ่อนกำลัง หรือขาดการออกกำลังกายที่ถูกต้องจะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ง่าย การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ เช่น เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต
ผศ.ดร.มัณฑนา กล่าวว่า การปวดมักเป็นบริเวณกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อก้นจนถึงกล้ามเนื้อน่อง โดยมีอาการปวดเฉพาะที่ แบบเป็น ๆ หาย ๆ หรือปวดหลังเฉพาะที่ร่วมกับปวดร้าวชาตามหลังขา ก้มตัวได้ไม่เต็มที่ เจ็บเสียว เวลาแอ่นหลัง หากนั่ง ยืน หรือเดินนาน ๆ จะมีอาการปวดหลังมากขึ้น บางครั้งปวดรุนแรงอาจจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย
สำหรับการรักษาอาการปวดหลังสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยพยายามรักษาหลังให้ตรงอยู่เสมอ อย่าให้อ้วน หมั่นออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังแข็งแรงอยู่เสมอ ทำจิตให้ว่าง หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเครียดที่หลัง เรียนรู้อิริยาบถหรือท่าทางของร่างกายในการทำกิจวัตรประจำวันที่ถูกสุขลักษณะ เช่น การยกของจากพื้น ต้องย่อเข่า ยกถือหรือหิ้วของไว้ใกล้ตัว อย่าก้มตัวหรือบิดตัวยกของ ไม่ควรยกสิ่งของหนักมากเกินไป อย่ายืนหลังค่อม หรือหลังแอ่นมากเกินไป เมื่อต้องยืนนาน ๆ เช่น รีดผ้า ควรพักขาสลับข้างกันบนที่รองรับ
“เวลาแปรงฟัน ให้ย่อเข่าเล็กน้อยให้หลังตรงแทนการก้มตัว อย่าสวมรองเท้าส้นสูงมาก ๆ เมื่อต้องยืนหรือเดินนาน ๆ เวลาขับรถ อย่านั่งห่างจากพวงมาลัยมากเกินไป จนขาต้องเหยียดตรงเพื่อเหยียบคันเร่งหรือเบรก ควรขยับเก้าอี้นั่งให้ใกล้พวงมาลัยพอควร ให้ข้อเข่าอยู่ระดับเสมอสะโพก นั่งตัวตรง หรือใช้หมอนบาง ๆ หนุนรองบริเวณด้านหลังส่วนเอว ไม่นอนบนพื้นกระดานเพราะแข็งเกินไป ควรมีผ้าปูรองอีกชั้นหนึ่ง การนอนตะแคง หรือนอนคว่ำหน้าควรทำเป็นครั้งคราวสลับกับการนอนหงาย เมื่อมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ ฝึกบริหารกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงเป็นประจำ จะเป็นประโยชน์แก่สุขภาพในส่วนอื่น ๆ ด้วย และปลอดภัยมากกว่าการกินแต่ยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียว” ผศ.ดร.มัณฑนา กล่าว
ผศ.ดร.มัณฑนา วงศ์ศิรินวรัตน์ จากคณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในงานเสวนา “อาการปวดหลัง เป็นปัญหาที่พบบ่อย” จัดโดยมูลนิธิหมอชาวบ้านว่า อาการปวดหลังเป็นสาเหตุที่ทำให้คนวัยแรงงานหยุดงานบ่อยรองจากโรคหวัด สาเหตุของการปวดหลัง ส่วนใหญ่เกิดจากการทำงานเกินกำลัง เช่น ก้มยกของหนัก อุบัติเหตุ สุขภาพทรุดโทรมจากการเจ็บป่วย เช่น มะเร็ง โรคไต ความเครียดวิตกกังวล การเปลี่ยนแปลงอารมณ์โดยเฉพาะหญิงใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือน กล้ามเนื้อลำตัวอ่อนกำลัง หรือขาดการออกกำลังกายที่ถูกต้องจะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ง่าย การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ เช่น เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต
ผศ.ดร.มัณฑนา กล่าวว่า การปวดมักเป็นบริเวณกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อก้นจนถึงกล้ามเนื้อน่อง โดยมีอาการปวดเฉพาะที่ แบบเป็น ๆ หาย ๆ หรือปวดหลังเฉพาะที่ร่วมกับปวดร้าวชาตามหลังขา ก้มตัวได้ไม่เต็มที่ เจ็บเสียว เวลาแอ่นหลัง หากนั่ง ยืน หรือเดินนาน ๆ จะมีอาการปวดหลังมากขึ้น บางครั้งปวดรุนแรงอาจจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย
สำหรับการรักษาอาการปวดหลังสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยพยายามรักษาหลังให้ตรงอยู่เสมอ อย่าให้อ้วน หมั่นออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังแข็งแรงอยู่เสมอ ทำจิตให้ว่าง หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเครียดที่หลัง เรียนรู้อิริยาบถหรือท่าทางของร่างกายในการทำกิจวัตรประจำวันที่ถูกสุขลักษณะ เช่น การยกของจากพื้น ต้องย่อเข่า ยกถือหรือหิ้วของไว้ใกล้ตัว อย่าก้มตัวหรือบิดตัวยกของ ไม่ควรยกสิ่งของหนักมากเกินไป อย่ายืนหลังค่อม หรือหลังแอ่นมากเกินไป เมื่อต้องยืนนาน ๆ เช่น รีดผ้า ควรพักขาสลับข้างกันบนที่รองรับ
“เวลาแปรงฟัน ให้ย่อเข่าเล็กน้อยให้หลังตรงแทนการก้มตัว อย่าสวมรองเท้าส้นสูงมาก ๆ เมื่อต้องยืนหรือเดินนาน ๆ เวลาขับรถ อย่านั่งห่างจากพวงมาลัยมากเกินไป จนขาต้องเหยียดตรงเพื่อเหยียบคันเร่งหรือเบรก ควรขยับเก้าอี้นั่งให้ใกล้พวงมาลัยพอควร ให้ข้อเข่าอยู่ระดับเสมอสะโพก นั่งตัวตรง หรือใช้หมอนบาง ๆ หนุนรองบริเวณด้านหลังส่วนเอว ไม่นอนบนพื้นกระดานเพราะแข็งเกินไป ควรมีผ้าปูรองอีกชั้นหนึ่ง การนอนตะแคง หรือนอนคว่ำหน้าควรทำเป็นครั้งคราวสลับกับการนอนหงาย เมื่อมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ ฝึกบริหารกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงเป็นประจำ จะเป็นประโยชน์แก่สุขภาพในส่วนอื่น ๆ ด้วย และปลอดภัยมากกว่าการกินแต่ยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียว” ผศ.ดร.มัณฑนา กล่าว