ย้ำไม่ทอดทิ้งอาชีวศึกษาต่อไปจะพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้น รับปากล่วงหน้าหลังเลือกตั้งถ้าได้เป็นรัฐบาล พ.ร.บ.อาชีวศึกษาคลอดแน่ พร้อมสอนได้ถึงระดับปริญญาตรี เผยถ้าได้กลับมาเป็นรมว.ศึกษาฯอีกรอบจะผลักดัน 1 ทุน 1 อำเภออาชีวะให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ

ดร.อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวระหว่างการประชุมนักศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จังหวัดภูเก็ต ที่วิทยาเทคนิคภูเก็ต เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่า รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พยายามที่จะสร้างรากฐานการศึกษาให้ดีขึ้น โดยพยายามผลักดันคุณภาพของสายอาชีวศึกษาให้เทียบเท่ากับประเทศที่เจริญแล้ว เพื่อเป็นการยกฐานะและค่าตอบแทนของอาชีวศึกษาให้ดีขึ้น ต่อไปอาชีวศึกษาจะสามารถสอนได้ถึงปริญญาตรี
ทั้งนี้หาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีและมีการจัดตั้งรัฐบาลได้เสร็จสิ้น คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 เดือน พ.ร.บ.การอาชีวศึกษาน่าจะประกาศได้ และในปีการศึกษา 2548 สถาบันการอาชีวศึกษาที่มีความพร้อมก็น่าจะเปิดสอนปริญญาตรีได้ทันที
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาทุกคน ซึ่งต้นปีการศึกษา 2549 จะมีการการปรับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปเป็นกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคตของผู้กู้ยืมเมื่อสำเร็จการศึกษา (กรอ.) ต่อไปนักศึกษาจะสามารถมีเงินเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้โดยที่ พ่อ แม่ไม่ต้องจำนำ จำนองหรือขายเรือกสวนไร่นา คนที่เคยเป็นหนี้ กยศ.ก็จะมาเป็นหนี้ กรอ. ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องมีงานทำก่อนถึงจะให้ใช้หนี้ ถ้าทำงานแล้วเงินเดือนยังไม่ถึงก็ไม่ต้องจ่าย ใครจะชักดาบกองทุนนี้ก็ชักดาบได้หากยังไม่มีงานทำหรือเงินเดือนไม่ถึงขั้น และถ้ายังกลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็จะทำให้นักศึกษามีงานทำทุกคน
พร้อมกันนี้จะมีการให้ทุนนักศึกษาอาชีวศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ เหมือนโครงการนักเรียนมัธยมที่มี 1 ทุน 1 อำเภอ ซึ่งไม่ใช่เป็นการหาเสียงแต่เป็นโครงการที่ได้วางแผนไว้แล้วหลังจากนั้นนายอดิศัยได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า จากการตรวจเยี่ยมนักเรียนในโครงการ 1 ทุน 1 อำเภอเห็นว่าเด็กอาชีวศึกษามีโอกาสเข้าร่วมโครงการน้อยมาก จึงมีแนวคิดที่จะให้เด็กอาชีวศึกษาได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้น ซึ่งคิดไว้นานแล้วขณะนี้กำลังให้คำนวณงบประมาณที่จะใช้จ่าย เพื่อให้เด็กอาชีวศึกษาได้ศึกษาต่อต่างประเทศตามความเหมาะสม โดยจะทำเป็นโครงการแยกต่างหากจากโครงการ 1 ทุน 1 อำเภอที่ทำอยู่ นอกจากนี้ก็ควรจะมีทุนให้ครู อาจารย์ของอาชีวศึกษาได้ไปฝึกอบรมหรือศึกษาดูงานในต่างประเทศด้วย
ดร.อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวระหว่างการประชุมนักศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จังหวัดภูเก็ต ที่วิทยาเทคนิคภูเก็ต เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่า รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พยายามที่จะสร้างรากฐานการศึกษาให้ดีขึ้น โดยพยายามผลักดันคุณภาพของสายอาชีวศึกษาให้เทียบเท่ากับประเทศที่เจริญแล้ว เพื่อเป็นการยกฐานะและค่าตอบแทนของอาชีวศึกษาให้ดีขึ้น ต่อไปอาชีวศึกษาจะสามารถสอนได้ถึงปริญญาตรี
ทั้งนี้หาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีและมีการจัดตั้งรัฐบาลได้เสร็จสิ้น คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 เดือน พ.ร.บ.การอาชีวศึกษาน่าจะประกาศได้ และในปีการศึกษา 2548 สถาบันการอาชีวศึกษาที่มีความพร้อมก็น่าจะเปิดสอนปริญญาตรีได้ทันที
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาทุกคน ซึ่งต้นปีการศึกษา 2549 จะมีการการปรับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปเป็นกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคตของผู้กู้ยืมเมื่อสำเร็จการศึกษา (กรอ.) ต่อไปนักศึกษาจะสามารถมีเงินเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้โดยที่ พ่อ แม่ไม่ต้องจำนำ จำนองหรือขายเรือกสวนไร่นา คนที่เคยเป็นหนี้ กยศ.ก็จะมาเป็นหนี้ กรอ. ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องมีงานทำก่อนถึงจะให้ใช้หนี้ ถ้าทำงานแล้วเงินเดือนยังไม่ถึงก็ไม่ต้องจ่าย ใครจะชักดาบกองทุนนี้ก็ชักดาบได้หากยังไม่มีงานทำหรือเงินเดือนไม่ถึงขั้น และถ้ายังกลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็จะทำให้นักศึกษามีงานทำทุกคน
พร้อมกันนี้จะมีการให้ทุนนักศึกษาอาชีวศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ เหมือนโครงการนักเรียนมัธยมที่มี 1 ทุน 1 อำเภอ ซึ่งไม่ใช่เป็นการหาเสียงแต่เป็นโครงการที่ได้วางแผนไว้แล้วหลังจากนั้นนายอดิศัยได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า จากการตรวจเยี่ยมนักเรียนในโครงการ 1 ทุน 1 อำเภอเห็นว่าเด็กอาชีวศึกษามีโอกาสเข้าร่วมโครงการน้อยมาก จึงมีแนวคิดที่จะให้เด็กอาชีวศึกษาได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้น ซึ่งคิดไว้นานแล้วขณะนี้กำลังให้คำนวณงบประมาณที่จะใช้จ่าย เพื่อให้เด็กอาชีวศึกษาได้ศึกษาต่อต่างประเทศตามความเหมาะสม โดยจะทำเป็นโครงการแยกต่างหากจากโครงการ 1 ทุน 1 อำเภอที่ทำอยู่ นอกจากนี้ก็ควรจะมีทุนให้ครู อาจารย์ของอาชีวศึกษาได้ไปฝึกอบรมหรือศึกษาดูงานในต่างประเทศด้วย