สาธารณสุข สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ประชาชนยังสามารถไปมาหาสู่กันระหว่างคนไทยคนจีนอย่างปกติ แต่ขอให้ดูแลสุขวิทยาตัวเอง หมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงการไปที่แออัด
เกี่ยวกับที่มีโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่ประเทศจีน มีคนติดเชื้อแล้ว 258 ราย และเสียชีวิต 16 รายที่ผ่านมานั้น ในส่วนของประเทศไทย นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวขณะนี้ยังไม่มีข้อห้ามการเดินทางเข้าออกประเทศจีนและไทย แต่ขอแนะนำประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศจีน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ ขอให้ระมัดระวังตัวป้องกันตนเองด้วยวิธีง่ายๆ คือให้ล้างมือบ่อยๆหลังสัมผัสสิ่งสาธารณะ เช่นราวบันได ม้านั่ง ห้องน้ำสาธารณะ ลิฟต์ เป็นต้น และใช้ช้อนกลางระหว่างรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่แออัด เช่น โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ สถานบันเทิง เวลาไอหรือจามขอให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก
ขณะเดียวกันในการป้องกันไม่ให้โรคไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบแพร่ระบาดในประเทศไทย ได้สั่งการให้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ แจ้งหน่ายบริการในสังกัดทุกแห่งดำเนินการดังนี้ ให้ทำการเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด หากพบผู้ป่วยหรือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ที่มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง อาเจียน มีจ้ำเลือดตามผิวหนัง ซึม หมดสติ ขอให้รับตัวไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาล เก็บตัวอย่างเลือดและน้ำไขสันหลังส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการทุกราย ให้ทุกจังหวัดเตรียมทีมสอบสวนโรค เพื่อทำการสอบสวนโรคค้นหาผู้ป่วยรายอื่นที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่บ้านและชุมชน และให้รายงานให้สำนักงานระบาดวิทยาและสำนักงานควบคุมโรคประจำเขตภายใน 24 ชั่วโมง
ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า หลังจากที่มีรายงานการระบาดของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในประเทศจีน ได้สั่งการให้สำนักระบาดวิทยาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้รับการยืนยันว่าผู้ป่วยส่วนหนึ่งเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อมินนิงโกคอคคัสกลุ่มซี ( Meningococcus group c ) หรือที่รู้จักกันว่าไข้กาฬหลังแอ่น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไข้นกอีแอ่น โดยในเดือนมกราคม ปี 2548 ประเทศจีนได้รับรายงานผู้ป่วยโรคนี้ ทั่วประเทศ 258 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วถึง 94 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 16 ราย พบมากที่จังหวัดอันฮุย
สำหรับในประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่นทั่วประเทศ 47 ราย เสียชีวิต 5 ราย พบโรคนี้ประปรายกระจายตามจังหวัดต่างๆจังหวัดละประมาณ 1-2 ราย ไม่มีการระบาด ในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -29 มกราคม 2548 ได้รับรายงานผู้ป่วย 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย
นายแพทย์ธวัชกล่าวต่อไปว่า ผู้ที่ป่วยด้วยโรคไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบในประเทศไทย มักจะพบในกลุ่มเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน แต่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้ เชื้อมีระยะฟักตัวโดยเฉลี่ย 3-4 วัน เชื้ออาศัยอยู่ในลำคอ และโพรงจมูกผู้ป่วย ติดกันโดยการไอจาม หรือสัมผัสน้ำมูกน้ำลาย ดังนั้นเมื่อไอหรือจามต้องใช้ผ้าปิดปาก และผู้ใกล้ชิดจะต้องล้างมือบ่อยๆ เพื่อชำระเชื้อออกไป
อย่างไรก็ดีโรคนี้รักษาหายได้ ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งยังใช้ได้ผลดี แต่ทั้งนี้ขอให้ผู้ที่มีอาการน่าสงสัย ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว จะป้องกันการเสียชีวิตได้
เกี่ยวกับที่มีโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่ประเทศจีน มีคนติดเชื้อแล้ว 258 ราย และเสียชีวิต 16 รายที่ผ่านมานั้น ในส่วนของประเทศไทย นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวขณะนี้ยังไม่มีข้อห้ามการเดินทางเข้าออกประเทศจีนและไทย แต่ขอแนะนำประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศจีน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ ขอให้ระมัดระวังตัวป้องกันตนเองด้วยวิธีง่ายๆ คือให้ล้างมือบ่อยๆหลังสัมผัสสิ่งสาธารณะ เช่นราวบันได ม้านั่ง ห้องน้ำสาธารณะ ลิฟต์ เป็นต้น และใช้ช้อนกลางระหว่างรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่แออัด เช่น โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ สถานบันเทิง เวลาไอหรือจามขอให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก
ขณะเดียวกันในการป้องกันไม่ให้โรคไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบแพร่ระบาดในประเทศไทย ได้สั่งการให้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ แจ้งหน่ายบริการในสังกัดทุกแห่งดำเนินการดังนี้ ให้ทำการเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด หากพบผู้ป่วยหรือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ที่มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง อาเจียน มีจ้ำเลือดตามผิวหนัง ซึม หมดสติ ขอให้รับตัวไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาล เก็บตัวอย่างเลือดและน้ำไขสันหลังส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการทุกราย ให้ทุกจังหวัดเตรียมทีมสอบสวนโรค เพื่อทำการสอบสวนโรคค้นหาผู้ป่วยรายอื่นที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่บ้านและชุมชน และให้รายงานให้สำนักงานระบาดวิทยาและสำนักงานควบคุมโรคประจำเขตภายใน 24 ชั่วโมง
ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า หลังจากที่มีรายงานการระบาดของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในประเทศจีน ได้สั่งการให้สำนักระบาดวิทยาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้รับการยืนยันว่าผู้ป่วยส่วนหนึ่งเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อมินนิงโกคอคคัสกลุ่มซี ( Meningococcus group c ) หรือที่รู้จักกันว่าไข้กาฬหลังแอ่น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไข้นกอีแอ่น โดยในเดือนมกราคม ปี 2548 ประเทศจีนได้รับรายงานผู้ป่วยโรคนี้ ทั่วประเทศ 258 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วถึง 94 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 16 ราย พบมากที่จังหวัดอันฮุย
สำหรับในประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่นทั่วประเทศ 47 ราย เสียชีวิต 5 ราย พบโรคนี้ประปรายกระจายตามจังหวัดต่างๆจังหวัดละประมาณ 1-2 ราย ไม่มีการระบาด ในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -29 มกราคม 2548 ได้รับรายงานผู้ป่วย 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย
นายแพทย์ธวัชกล่าวต่อไปว่า ผู้ที่ป่วยด้วยโรคไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบในประเทศไทย มักจะพบในกลุ่มเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน แต่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้ เชื้อมีระยะฟักตัวโดยเฉลี่ย 3-4 วัน เชื้ออาศัยอยู่ในลำคอ และโพรงจมูกผู้ป่วย ติดกันโดยการไอจาม หรือสัมผัสน้ำมูกน้ำลาย ดังนั้นเมื่อไอหรือจามต้องใช้ผ้าปิดปาก และผู้ใกล้ชิดจะต้องล้างมือบ่อยๆ เพื่อชำระเชื้อออกไป
อย่างไรก็ดีโรคนี้รักษาหายได้ ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งยังใช้ได้ผลดี แต่ทั้งนี้ขอให้ผู้ที่มีอาการน่าสงสัย ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว จะป้องกันการเสียชีวิตได้