คอมพิวเตอร์ 900 ล้านกระทรวงสาธารณสุขยังวุ่นไม่เลิก “หมอวัลลภ” เปิดเอกสารใหม่หา “ไอ้โม่ง” ตัวจริง เผยมีหนังสือเชิญหมอชาตรีเป็นประธานชัดเจน เตรียมร่ายยาวเป็นหนังสือที่มาของโครงการ ด้าน“หมอชาตรี” แจง 16 เมษา เป็นประธานการประชุมจริง แต่ไม่ได้เป็นประธานการพิจารณาจัดซื้อคอมพ์ 900 ล้าน ยันมติ 15 มิถุนายน ไม่มีอะไรเคลือบแฝง ปฏิเสธไม่เคยห้ามบันทึกเทปในการประชุม แต่เจ้าหน้าที่พัสดุเองต่างหากที่ไม่ทำ
น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณี น.พ.ชาตรี บานชื่น ประธานคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาซื้อและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ 900 ล้าน อ้างว่าวันที่การประชุม วันที่ 9 เมษายน และ 16 เมษายน ไม่มีประธานการประชุม ทำให้การประชุมไม่สมบูรณ์นั้น เป็นการกล่าวเท็จเพราะเพิ่งได้รับหนังสือที่ สธ. 0201.025 / 223 ลงวันที่ 9 เมษายน เป็นหนังสือเชิญ น.พ.ชาตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาฯ และก่อนหน้านี้วันที่ 23 กุมภาพันธ์ น.พ.ชาตรี ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ในวันที่ 30 เมษายน นายปิยะ ใบม่วง เจ้าหน้าที่บริหารงานพัสดุได้ส่งบันทึกการประชุมวันที่ 16 เมษายน ตามหนังสือเลขที่ สธ 0201.025/261 ให้กับกรรมการทุกคนรวมถึง น.พ.ชาตรี ซึ่ง กรรมการ 4 คนคือ นายชัยเชวง กฤตยาคม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทศท.คอร์ปอเรชั่น จำกัด น.พ.เทียม อังสาชน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี น.พ.ฐิตศักดิ์ บุญไทย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายวิริทธิ์นันท์ จินดาถาวรกิจ นิติกร 7 ว.กลุ่มกฎหมาย สำนักบริหารกลาง ซึ่งในบันทึกข้อความนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการฯ ได้แก้ไขก่อนวันที่ 6 พฤษภาคม ถ้าพ้นกำหนดจะถือว่าบันทึกการประชุมถูกต้อง ไม่มีอะไรผิดระเบียบพัสดุเลย ไม่จำเป็นต้องลงนามเพราะมันมีกลไกอัตโนมัติอยู่และธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้
“สิ่งที่ผมสงสัยคือ บันทึกการประชุมที่ส่งไปให้คณะกรรมการมีข้อมูลและตัวเลขที่ผิดหลายจุด คณะกรรมการบางท่านได้แก้ไขโดยเฉพาะตัวเลขหลังการต่อรองราคาของ กิจการร่วมค้า พีสแควร์ไทยคอม 821,000,000 บาท มีการพิมพ์เป็น แปดล้านสองแสนหนึ่งหมื่นบาท อยากทราบว่า น.พ.ชาตรีเห็นจุดผิดตรงนี้ไหม การไม่ตอบหนังสือกลับมาก็ถือว่ารับทราบโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว” น.พ.วัลลภ กล่าว
นอกจากนี้ น.พ.วัลลภ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ในวันที่ 13 พฤษภาคม กลุ่มคลังและพัสดุ ได้ส่งหนังสือขอเชิญประชุมเพื่อตอบข้อร้องเรียน ของบริษัทไพร์มลิงค์ และของกิจการร่วมค้าพีสแควร์ไทยคอม โดยกำหนดการเดิมกำหนดให้ประชุมวันที่ 8 มิถุนายน แต่มาเปลี่ยนเป็นวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ประธานจะเลื่อนนัดหมายการประชุม
“การจะเลื่อนเวลาให้การประชุมเร็วขึ้นหรือช้าลงไปไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย เพราะกรรมการทุกคนก็มีสมองเป็นของตัวเอง หมอชาตรีเองผมก็ยืนยันให้การพิจารณาเป็นไปตามหลักการ ทั้งที่ฝ่ายการเมืองมาย้ำกับผมว่าให้บอกกับหมอชาตรีให้ได้ว่าต้องล้มประมูล แต่ผมทำไม่ได้ ถ้าคุณหมอชาตรีไม่ลืมวันที่ยืนคุยกันหน้าห้องประชุมชั้น 2 ตึก สำนักงานปลัดกระทรวงซึ่งตรงกับวันประชุมกระทรวง (7 มิถุนายน) พอดี ก็คงจำคำที่ผมพูดได้” น.พ.วัลลภ กล่าว
อดีตปลัดสธ.กล่าวด้วยว่า จริงๆ แล้วการปรุชมวันที่ 16 เมษายน เป็นการประชุมที่สมบูรณ์เพราะแม้คำสั่งแต่งตั้ง น.พ.ชาตรีจะออกมาวันที่ 19 เมษายนก็ตาม ถ้าไม่มีความจงใจเบี่ยงเบนประเด็นการที่ น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ ลาออก คนที่อาวุโสถัดมาคือ น.พ.ชาตรี ก็ต้องทำหน้าที่ประธานฯ โดยอัตโนมัติ ถ้ากรณีนี้ผิดก็ต้องกลับไปถาม นางสุดารัตน์ ที่ไม่เคยเป็นประธานการประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อกพ.) เลยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และตนเองทำหน้าที่เป็นประธานโดยอัตโนมัติจะต้องเป็นโมฆะหมดหรือไม่
นอกจากนี้ การประชุมวันที่ 15 มิถุนายน โดยปกติแล้วผู้บันทึกการประชุมต้องบันทึกเทปด้วย แต่ในวันดังกล่าว น.พ.ชาตรี สั่งห้ามบันทึกเทปโดยไม่แจ้งเหตุผล และมีการพิจารณาการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ฯ ใหม่ทั้งหมดทั้งที่หนังสือเชิญประชุมระบุเพียงพิจารณาข้อร้องเรียนเท่านั้น แต่กลับมีการพิจารณาการจัดซื้อใหม่ทั้งหมด และยังเร่งให้ประชุมเสร็จสิ้นเพื่อพิมพ์บันทึกการประชุมให้กับกรรมการทุกคนลงนามในวันนั้น ทั้งที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาจะมีแก้ไขข้อมูลที่ผิด เพื่อส่งบันทึกให้กับกรรมการทุกคน ก่อนที่คณะกรรมการฯ จะส่งมาแก้ไขอีกครั้งจึงจะถือว่าการประชุมสมบูรณ์เหมือนอย่างวันที่ 16 เมษายนได้ดำเนินการ แต่กรณีของวันที่ 15 มิถุนายน มีประเด็นน่าสงสัยกว่าหรือไม่
“การประชุมวันที่ 15 มิถุนายน เป็นความจงใจที่กระทำการนอกเหนือทีโออาร์ ในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ สิ่งที่น่าห่วงคือบ้านเมืองจะยึดหลักเกณฑ์อะไร นึกจะทำอะไรกันก็ทำโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและประเพณีปฏิบัติ สิ่งที่น่าคิดคือถ้าในอดีตมีกรณีที่เหมือนกันเขามาร้องเรียนเพื่อขอให้ประมูลใหม่จะทำอย่างไร” น.พ.วัลลภ กล่าว และว่าจะส่งข้อมูลความผิดปกตินี้ไปให้กรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกครั้ง รวมทั้งกำลังลำดับข้อมูลเหตุการณ์ของการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ ก่อนจะเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
ด้านนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้ น.พ.ชาตรี บานชื่น ประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้านบาท เป็นผู้ชี้แจงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า ได้เป็นประธานในที่ประชุมวันที่ 16 เมษายน จริง แต่ไม่ได้เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดซื้อเพราะได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 เมษายน และการบันทึกการประชุมวันที่ 16 เมษายน ที่ระบุว่ามีการแจ้งเวียนให้กรรมการทราบและมีการแก้ไขการประชุมเพียงแค่ 4 คน เนื่องจากมีประเด็นไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น ทั้งนี้ เพราะกลุ่มคลังพัสดุไม่ได้ส่งบันทึกการประชุมที่ได้มีการแก้ไขแล้วให้ตน ๆ จะทราบได้อย่างไรว่ามีการแก้ไขอย่างไรบ้าง
อีกทั้งการประชุมวันดังกล่าวไม่ถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย แต่ในวันที่ 15 มิถุนายน ต่างหากที่ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเป็นการประชุมต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังไม่ใช่การประชุมเพื่อรับรองบันทึกการประชุมวันที่ 16 เมษายน ส่วนกรณีที่ไม่มีการบันทึกเทปตามปกตินั้น ก็เป็นเรื่องที่กลุ่มคลังและพัสดุตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีการบันทึกเทปในวันนั้นก็ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เนื่องจากการประชุมที่ผ่านมาก็ไม่เคยมี
“ผมไม่ได้ไปห้ามและไม่เคยไปดูว่ามีการบันทึกเทปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่พัสดุว่าจะบันทึกหรือไม่ก็ได้ วันที่ 16 เมษายน และ 15 มิถุนายน ผมรู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรอธิบายได้หมด ซึ่งการประชุมวันที่ 15 มิถุนายน ใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงแล้วมีการพิมพ์ข้อความบันทึกการประชุมให้กรรมการรับรองในวันเดียวกัน เนื่องจากในตอนแรกเจ้าหน้าที่พัสดุบอกว่าไม่สามารถบันทึกการประชุมได้ทุกประเด็น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้มีการพิมพ์และปรินท์ในวันนั้นเพื่อให้กรรมการเซ็นต์รับรองมติในวันนั้น” น.พ.ชาตรีชี้แจง และว่าส่วนกรณีที่ไม่ชี้แจงก่อนหน้านี้เพราะเกรงประชาชนจะสับสนเพราะเคยชี้แจงไปหมดแล้ว
น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณี น.พ.ชาตรี บานชื่น ประธานคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาซื้อและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ 900 ล้าน อ้างว่าวันที่การประชุม วันที่ 9 เมษายน และ 16 เมษายน ไม่มีประธานการประชุม ทำให้การประชุมไม่สมบูรณ์นั้น เป็นการกล่าวเท็จเพราะเพิ่งได้รับหนังสือที่ สธ. 0201.025 / 223 ลงวันที่ 9 เมษายน เป็นหนังสือเชิญ น.พ.ชาตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาฯ และก่อนหน้านี้วันที่ 23 กุมภาพันธ์ น.พ.ชาตรี ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ในวันที่ 30 เมษายน นายปิยะ ใบม่วง เจ้าหน้าที่บริหารงานพัสดุได้ส่งบันทึกการประชุมวันที่ 16 เมษายน ตามหนังสือเลขที่ สธ 0201.025/261 ให้กับกรรมการทุกคนรวมถึง น.พ.ชาตรี ซึ่ง กรรมการ 4 คนคือ นายชัยเชวง กฤตยาคม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทศท.คอร์ปอเรชั่น จำกัด น.พ.เทียม อังสาชน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี น.พ.ฐิตศักดิ์ บุญไทย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายวิริทธิ์นันท์ จินดาถาวรกิจ นิติกร 7 ว.กลุ่มกฎหมาย สำนักบริหารกลาง ซึ่งในบันทึกข้อความนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการฯ ได้แก้ไขก่อนวันที่ 6 พฤษภาคม ถ้าพ้นกำหนดจะถือว่าบันทึกการประชุมถูกต้อง ไม่มีอะไรผิดระเบียบพัสดุเลย ไม่จำเป็นต้องลงนามเพราะมันมีกลไกอัตโนมัติอยู่และธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้
“สิ่งที่ผมสงสัยคือ บันทึกการประชุมที่ส่งไปให้คณะกรรมการมีข้อมูลและตัวเลขที่ผิดหลายจุด คณะกรรมการบางท่านได้แก้ไขโดยเฉพาะตัวเลขหลังการต่อรองราคาของ กิจการร่วมค้า พีสแควร์ไทยคอม 821,000,000 บาท มีการพิมพ์เป็น แปดล้านสองแสนหนึ่งหมื่นบาท อยากทราบว่า น.พ.ชาตรีเห็นจุดผิดตรงนี้ไหม การไม่ตอบหนังสือกลับมาก็ถือว่ารับทราบโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว” น.พ.วัลลภ กล่าว
นอกจากนี้ น.พ.วัลลภ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ในวันที่ 13 พฤษภาคม กลุ่มคลังและพัสดุ ได้ส่งหนังสือขอเชิญประชุมเพื่อตอบข้อร้องเรียน ของบริษัทไพร์มลิงค์ และของกิจการร่วมค้าพีสแควร์ไทยคอม โดยกำหนดการเดิมกำหนดให้ประชุมวันที่ 8 มิถุนายน แต่มาเปลี่ยนเป็นวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ประธานจะเลื่อนนัดหมายการประชุม
“การจะเลื่อนเวลาให้การประชุมเร็วขึ้นหรือช้าลงไปไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย เพราะกรรมการทุกคนก็มีสมองเป็นของตัวเอง หมอชาตรีเองผมก็ยืนยันให้การพิจารณาเป็นไปตามหลักการ ทั้งที่ฝ่ายการเมืองมาย้ำกับผมว่าให้บอกกับหมอชาตรีให้ได้ว่าต้องล้มประมูล แต่ผมทำไม่ได้ ถ้าคุณหมอชาตรีไม่ลืมวันที่ยืนคุยกันหน้าห้องประชุมชั้น 2 ตึก สำนักงานปลัดกระทรวงซึ่งตรงกับวันประชุมกระทรวง (7 มิถุนายน) พอดี ก็คงจำคำที่ผมพูดได้” น.พ.วัลลภ กล่าว
อดีตปลัดสธ.กล่าวด้วยว่า จริงๆ แล้วการปรุชมวันที่ 16 เมษายน เป็นการประชุมที่สมบูรณ์เพราะแม้คำสั่งแต่งตั้ง น.พ.ชาตรีจะออกมาวันที่ 19 เมษายนก็ตาม ถ้าไม่มีความจงใจเบี่ยงเบนประเด็นการที่ น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ ลาออก คนที่อาวุโสถัดมาคือ น.พ.ชาตรี ก็ต้องทำหน้าที่ประธานฯ โดยอัตโนมัติ ถ้ากรณีนี้ผิดก็ต้องกลับไปถาม นางสุดารัตน์ ที่ไม่เคยเป็นประธานการประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อกพ.) เลยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และตนเองทำหน้าที่เป็นประธานโดยอัตโนมัติจะต้องเป็นโมฆะหมดหรือไม่
นอกจากนี้ การประชุมวันที่ 15 มิถุนายน โดยปกติแล้วผู้บันทึกการประชุมต้องบันทึกเทปด้วย แต่ในวันดังกล่าว น.พ.ชาตรี สั่งห้ามบันทึกเทปโดยไม่แจ้งเหตุผล และมีการพิจารณาการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ฯ ใหม่ทั้งหมดทั้งที่หนังสือเชิญประชุมระบุเพียงพิจารณาข้อร้องเรียนเท่านั้น แต่กลับมีการพิจารณาการจัดซื้อใหม่ทั้งหมด และยังเร่งให้ประชุมเสร็จสิ้นเพื่อพิมพ์บันทึกการประชุมให้กับกรรมการทุกคนลงนามในวันนั้น ทั้งที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาจะมีแก้ไขข้อมูลที่ผิด เพื่อส่งบันทึกให้กับกรรมการทุกคน ก่อนที่คณะกรรมการฯ จะส่งมาแก้ไขอีกครั้งจึงจะถือว่าการประชุมสมบูรณ์เหมือนอย่างวันที่ 16 เมษายนได้ดำเนินการ แต่กรณีของวันที่ 15 มิถุนายน มีประเด็นน่าสงสัยกว่าหรือไม่
“การประชุมวันที่ 15 มิถุนายน เป็นความจงใจที่กระทำการนอกเหนือทีโออาร์ ในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ สิ่งที่น่าห่วงคือบ้านเมืองจะยึดหลักเกณฑ์อะไร นึกจะทำอะไรกันก็ทำโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและประเพณีปฏิบัติ สิ่งที่น่าคิดคือถ้าในอดีตมีกรณีที่เหมือนกันเขามาร้องเรียนเพื่อขอให้ประมูลใหม่จะทำอย่างไร” น.พ.วัลลภ กล่าว และว่าจะส่งข้อมูลความผิดปกตินี้ไปให้กรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกครั้ง รวมทั้งกำลังลำดับข้อมูลเหตุการณ์ของการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ ก่อนจะเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
ด้านนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้ น.พ.ชาตรี บานชื่น ประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้านบาท เป็นผู้ชี้แจงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า ได้เป็นประธานในที่ประชุมวันที่ 16 เมษายน จริง แต่ไม่ได้เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดซื้อเพราะได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 เมษายน และการบันทึกการประชุมวันที่ 16 เมษายน ที่ระบุว่ามีการแจ้งเวียนให้กรรมการทราบและมีการแก้ไขการประชุมเพียงแค่ 4 คน เนื่องจากมีประเด็นไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น ทั้งนี้ เพราะกลุ่มคลังพัสดุไม่ได้ส่งบันทึกการประชุมที่ได้มีการแก้ไขแล้วให้ตน ๆ จะทราบได้อย่างไรว่ามีการแก้ไขอย่างไรบ้าง
อีกทั้งการประชุมวันดังกล่าวไม่ถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย แต่ในวันที่ 15 มิถุนายน ต่างหากที่ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเป็นการประชุมต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังไม่ใช่การประชุมเพื่อรับรองบันทึกการประชุมวันที่ 16 เมษายน ส่วนกรณีที่ไม่มีการบันทึกเทปตามปกตินั้น ก็เป็นเรื่องที่กลุ่มคลังและพัสดุตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีการบันทึกเทปในวันนั้นก็ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เนื่องจากการประชุมที่ผ่านมาก็ไม่เคยมี
“ผมไม่ได้ไปห้ามและไม่เคยไปดูว่ามีการบันทึกเทปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่พัสดุว่าจะบันทึกหรือไม่ก็ได้ วันที่ 16 เมษายน และ 15 มิถุนายน ผมรู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรอธิบายได้หมด ซึ่งการประชุมวันที่ 15 มิถุนายน ใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงแล้วมีการพิมพ์ข้อความบันทึกการประชุมให้กรรมการรับรองในวันเดียวกัน เนื่องจากในตอนแรกเจ้าหน้าที่พัสดุบอกว่าไม่สามารถบันทึกการประชุมได้ทุกประเด็น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้มีการพิมพ์และปรินท์ในวันนั้นเพื่อให้กรรมการเซ็นต์รับรองมติในวันนั้น” น.พ.ชาตรีชี้แจง และว่าส่วนกรณีที่ไม่ชี้แจงก่อนหน้านี้เพราะเกรงประชาชนจะสับสนเพราะเคยชี้แจงไปหมดแล้ว