xs
xsm
sm
md
lg

เอาให้จบ ปิดอ่าวไทย สกัดน้ำมันเข้าเขมร !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ฮุน เซน
เมืองไทย 360 องศา

ถือว่าเป็น “ดอกสำคัญ” ล่าสุดกับคำสั่งของกองทัพไทย ที่มาจากการหารือของ คณะผู้บัญชาการทหาร มีมติห้ามลำเลียง และส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงสิ่งที่เป็นสินค้ายุทธปัจจัยทั้งหมดเข้ากัมพูชา ซึ่งคำสั่งห้ามดังกล่าวนี่แหละถือว่าเป็นอีกมาตรการสำคัญที่สุด สำหรับการจัดการกัมพูชาให้ “สิ้นสภาพ” เพื่อลดภัยคุกคามกับไทยในอนาคต นอกเหนือจากการปิดด่านชายแดนแบบกึ่งถาวร

มีหนังสือด่วนจาก กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) และ ศูนย์บัญชาการทางทหาร (ศบท.) แจ้ง 1. เพื่อให้การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ที่ประชุม คณะผู้บัญชาการทหาร (คบท.) เมื่อ 12 ธ.ค. 68 มีมติในการดำเนินการต่อเรือไทย และ / หรือผู้ประกอบการไทยที่ไช้เรือไทย หรือเรือจดทะเบียนเรือสัญชาติอื่น ๆ ลำเลียงและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง หรือสินค้ายุทธปัจจัยไปยังกัมพูชาทางทะเล เพื่อเป็นการลิดรอบและลดศักยภาพ ขีดความสามารถของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามต่อประเทศไทย

2. ตามข้อ 1. เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทันต่อสถานการณ์ บก.ทท./ศบท. จึงขอให้ กห/ศบช.กห. พิจารณานำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุม สมช. โดยเร่งด่วน โดยมีแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้ 2.1 เสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ พิจารณากลไกภายใต้สภาความมั่นคงแห่งชาติให้หน่วยงานทางทะเลในศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)

กำหนดให้ 2.1.1. มีมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประกาศมาตรการระงับการขนส่งน้ำมันเชื่อเพลิงและสินค้ายุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา 2.1.2. ให้หน่วยงานใน ศรชล. ยกระดับมาตรการตาม มาตรา 27 วรรค 2 และ 3 ในการบูรณากาการกลไก การควบคุมและเฝ้าระวังเรือสินค้าพาณิชย์ เรือประมง เรือสนับสนุนทำงานประมง ทั้งในส่วนของเรือไทย และผู้ประกอบการทางทะแล ที่เป็นเจ้าของเรือโดยตรง หรือทางอ้อม ที่เป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารกิจการกองเรือภาคการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศและมีพฤติการลักลอบลำเลียงและส่งออกน้ำมันหรือสินค้ายุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา 2.1.3. ให้ ศรชล. พิจารณาประกาศพื้นที่โดยรอบทะเลอาณาเขตรอบท่าเรือกัมพูชา เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยระดับสูง

ก่อนหน้านั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยต่อกรณีดังกล่าวว่าในส่วนของกองทัพบก ไม่เคยกล่าวถึงหรือมีแนวการปฏิบัติในเรื่องนี้ (หยุดยิง) เนื่องจากปัจจุบันกัมพูชายังคงใช้อาวุธหนัก จรวด BM-21, เครื่องยิงลูกระเบิด และโดรนพลีชีพ โจมตีต่อกำลังทหารไทยในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยอย่างร้ายแรง

โดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้ติดตามสถานการณ์และมอบแนวทางการปฏิบัติเฉพาะส่วนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันยืนยันว่ายังไม่ได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติการของหน่วยในพื้นที่การรบแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ผบ.ทบ. ได้กำชับให้ กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เน้นย้ำกำลังพลเรื่องการปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย ดำเนินกลยุทธ์ด้วยความรอบคอบ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลัก คือ การผลักดันและมุ่งทำลายขีดความสามารถทางการทหารของกัมพูชา ทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมถึงองค์ประกอบสนับสนุนอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อฝ่ายไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมยืนยันว่ากองทัพบกไทยโจมตีต่อเป้าหมายทางทหารที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเพียงเท่านั้น และการสถาปนาพื้นที่ เข้าควบคุมบริเวณที่เคยมีการรุกล้ำเขตอธิปไตยไทย และเสริมความมั่นคงให้มีความสมบูรณ์ เอื้อต่อการปฏิบัติการทางทหารต่อไปในอนาคต

กองทัพบก ขอยืนยันในปฏิบัติการครั้งนี้ว่ายังคงดำเนินการต่อเนื่องจนกว่ากัมพูชาหยุดความเป็นปรปักษ์ โจมตีต่อกำลังทหารไทย และประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากำลังพลและยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก พร้อมตรึงกำลังการปฏิบัติ และตอบโต้ตามกฎการใช้กำลังตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดและเป็นไปตามหลักกติกาสากล เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช และดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนชาวไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ

สำหรับสถานการณ์การสู้รบกับฝ่ายกัมพูชาตามแนวชายแดนกำลังล่วงเข้าสู่วันที่ 8 แล้ว จากการแถลงความคืบหน้าจากโฆษกกองทัพไทยล่าสุด ก็ต้องบอกว่าฝ่ายทหารไทยสามารถรุกคืบหน้ายึดคืนพื้นที่ที่เคยถูกฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามายึดครองได้มากขึ้นตามลำดับ และยังทำลายศักยภาพทางทหาร ได้หลายจุด อย่างไรก็ดีการสู้รบยังไม่จบ เนื่องจากยังมีการตอบโต้ ยิงอาวุธหนักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียรวมแล้วจำนวน 16 นาย แล้ว

ขณะเดียวกันแม้ว่าพิจารณาจากแนวโน้มแล้วเชื่อว่าอีกไม่นาน ฝ่ายกองทัพไทยจะสามารถยึดคืนพื้นที่กลับคืนมาได้ทั้งหมดก็ตาม แต่การทำลายศักยภาพกัมพูชา โดยเฉพาะ “ฮุน เซน” ถือว่าเป็นสิ่งต้องทำให้เด็ดขาด ในแบบที่เรียกว่า ให้ “สิ้นสภาพ” แม้ว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยจะมีการ “ปิดด่าน” สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงกับฝ่ายกัมพูชา และในการสู้รบครั้งล่าสุดยังมีการใช้เครื่องบินถล่ม “บ่อนกาสิโน” ซึ่งถือเป็นแหล่งทุนสำคัญ และยังเป็นศูนย์รวมของพวก “สแกมเมอร์” ไปหลายแห่ง ซึ่งเปรียบเป็น “กล่องดวงใจ” ของ ฮุน เซน แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่มีการปิดกั้นการส่งน้ำมัน และพลังงานเข้าไปในกัมพูชา

มาครั้งนี้เมื่อมีคำสั่งกองทัพ สั่งห้ามส่งออกน้ำมันทางทะเล และสินค้ายุทธปัจจัยเข้าไปยังกัมพูชา ลักษณะเหมือนกับการ “ปิดอ่าว” แบบนี้เชื่อว่าหากทำอย่างเข้มงวดจะยิ่งทำลายศักยภาพของฝ่ายกัมพูชาได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะส่งผลกระทบย้อนกลับมายังฝั่งไทยเหมือนกัน แต่เหมือนกับ ให้ “เจ็บแต่จบ” ในคราวเดียว และแม้ว่าปลายทางก็ต้องมีการเจรจากันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราต้องกุมสภาพให้ได้มากที่สุดก่อน

เพราะหากพิจารณากันตามสถานการณ์เวลานี้เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแรงของฝ่ายกัมพูชามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียกหาประเทศมหาอำนาจเข้ามาช่วยเจรจาหยุดยิง และในพื้นที่นอกเหนือจากการที่ฝ่ายทหารไทยเริ่มรุกเข้าไปได้ลึกมากขึ้น การต้านทานเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วงานนี้ ไทยเอาจริง และต้องการให้จบเร็วและเด็ดขาด ทำลายให้ฝ่ายกัมพูชา หรือ “ฮุน เซน” ต้องสิ้นสภาพ ไม่เหลือภัยคุกคามอีกต่อไป โดยเฉพาะการเน้นเป้าหมายทำลายเศรษฐกิจ หลังจากถล่มกาสิโน รังสะแกมเมอร์ ปิดด่าน ล่าสุดมีคำสั่ง “ปิดอ่าว” สกัดน้ำมัน สินค้ายุทธปัจจัยอื่นเข้าไปยังกัมพูชา ซึ่งสิ่งนี้แหละจะ “ปิดเกม” ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด!!


กำลังโหลดความคิดเห็น