xs
xsm
sm
md
lg

ขยี้กล่องดวงใจ“ฮุนเซน” กาสิโน-รังสแกมเมอร์ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - ฮุน เซน
เมืองไทย 360 องศา

บางคนบอกว่าการปะทะกับกัมพูชาของ ฮุน เซน เที่ยวนี้จะจบเร็ว และหมายรวมถึงสามารถยึดคืนดินแดนที่ถูกครอบครองมานานกลับคืนมา ขณะที่บางคนบอกว่าน่าจะหลายวัน เพราะทางฝั่งไทยต้องการจัดระเบียบตามแนวชายแดนพร้อมกันไปด้วย ซึ่งนาทีนี้หากนับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ที่ถือว่าเป็นวัน “เสียงปืนแตกครั้งที่ 2” และเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม เรื่อยมาจนถึงวันนี้ภารกิจของทหารไทยถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก สามารถยึดคืนพื้นที่ของเรากลับมาได้เกือบหมดแล้ว และบางพื้นที่เหมือนกับบเป็นการรุกคืบลึกเข้าไปทางฝั่งกัมพูชา ดังนั้น ถือว่าครั้งนี้เรามีความพร้อมที่จะ “จัดหนัก” และให้จบเกมให้เร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน ที่น่าสังเกตก็คือ การโจมตีของฝ่ายทหารไทยครั้งนี้ มีการโจมตี “บ่อนกาสิโน” และ แหล่ง “สแกมเมอร์” ในหลายพื้นที่ของกัมพูชาตามแนวชายแดน ซึ่งมีเสียงวิจารณ์ว่า นี่คือ “แหล่งรายได้หลัก” ของ กลุ่ม“ตระกูลฮุน” ของนายฮุน เซน ถือว่าเป็น “กล่องดวงใจ” ของพวกเขามาช้านาน อีกทั้งการโจมตีแหล่งสะแกมเมอร์ดังกล่าว นอกจากทำลายแหล่งทุนฮุนเซน แล้ว ยังเป็นการตัดกำลังพร้อมกันไปในตัว

นอกเหนือจากนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังหลายประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจาก “แก๊งหลอกลวง” พวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เกาหลีใต้ ที่เพิ่งยึดทรัพย์ ขึ้นบัญชีดำ เครือข่ายพวกนี้ในประเทศเหล่านั้น และในประเทศไทยก็เพิ่งมีการ “ขยับครั้งใหญ่” จากการยึดอายัดทรัพย์ของกลุ่มสแกมเมอร์ข้ามชาติ มีการยึดและอายัดทรัพย์สินรวม 289 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 10,165 ล้านบาท

นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) กับพวก สำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบพบข้อมูลเครือข่ายการฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล โดยมีฐานใหญ่อยู่ในกัมพูชา เชื่อมโยงนายเฉิน จื้อ กับพวก เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group (Prince Group) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติในประเทศกัมพูชา กลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมในแต่ละคดี มีความเกี่ยวข้องกัน และใช้วิธีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดโดยเปลี่ยนสภาพระหว่างเงินตราในแต่ละประเทศกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศได้ยึดทรัพย์และขึ้นบัญชีดำ

คดี นายก๊ก อาน (MR.KOK AN) กับพวก รายคดี นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ได้หลอกลวงผู้เสียหาย ว่าพบข้อมูลการส่งสินค้าซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายจากจังหวัดเชียงราย ไปที่ประเทศจีน และผู้เสียหายมียอดเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเกี่ยวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมาย ต้องถูกตรวจสอบบัญชีธนาคาร จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบข้อมูลว่า นางสาวแตงไทยฯ ได้รับมอบอำนาจให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงผู้เสียหายเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดมูลฐาน พบข้อมูลการทำธุรกรรมนางสาวแตงไทยฯ เชื่อมโยงไปยังบุคคลและนิติบุคลจำนวนมาก รวมทั้งมีข้อมูลการโอนเงินไปยัง นายเบน สมิธ หรือ MR.SMITH BEN ซึ่งมี พฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน มีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสมือนว่ามีการดำเนินธุรกิจ และใช้บริษัทในการถือครองทรัพย์สินแทนตนเอง และบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินในลักษณะที่มีความซับซ้อนสูง

ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขาย และ คดี นายเอื้ออังกูร สันติรักษ์โยธิน กับพวก ถือว่าเป็นเครือข่ายหลอกลวงขนาดใหญ่ ที่ใกล้ชิดกับนักการเมือง นายฮุนเซน และนักการเมืองในไทย

ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดต่อเป้าหมายกาสิโน และฐานสแกมเมอร์อีกครั้ง ในพื้นที่โอร์เสม็ด ตรงข้ามกับช่องจอม จ.สุรินทร์ “ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวถูกกองทัพกัมพูชาใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารสำหรับปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีประเทศไทย, และยังเป็นสถานที่ซุกซ่อนอาวุธหนักและรถยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 อีกด้วย”

ขณะเดียวกัน กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) เปิดปฏิบัติการ “ตราดปราบปรปักษ์” ทำลายตึกกาสิโน ที่กัมพูชานำสไนเปอร์ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์เตรียมถล่มอธิปไตยไทยจากที่สูง และเป็นอาคารที่ล้ำเข้ามาในพื้นที่ฝั่งประเทศไทย โดยใช้ "จรวดโท" ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลความเร็วต่ำกว่าเสียง ใช้โจมตีภาคพื้นดิน เข้ายิงทำลาย นั่นเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายไทยมีเป้าหมายโจมตีบ่อนกาสิโน และแหล่งแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจและ “แหล่งทุน” สำคัญของ ฮุน เซน และเครือข่ายอำนาจในกัมพูชามาช้านาน

ก่อนหน้านี้ สิ่งที่แสดงให้เห็นว่า การปะทะรอบใหม่คราวนี้ฝ่ายไทยต้องการจัดการให้เด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาคาราคาซังในอนาคต แม้ว่าจะมีบางคนมองว่า “มันไม่มีทางจบ” ก็ตาม แต่สำหรับความเห็นคนไทย ตอนนี้ถือว่าเป็นเอกภาพต้องการให้ “จัดเต็ม” ไปเลย ขณะเดียวในทางการเมืองถือว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคงต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความนิยมเพื่อรับการเลือกตั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้าถือว่า “มาได้จังหวะพอดี”

“ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้ว ให้คำมั่นสัญญากับกองทัพแล้วว่าให้กองทัพดำเนินการตามแผนการที่ได้คิดกันไว้อย่างเต็มที่ รัฐบาลให้การสนับสนุนทุกรูปแบบ” คำพูดของเขา เมื่อถูกถามเรื่องการเจรจาหยุดยิง

เมื่อถามว่าจนกว่ากองทัพจะสิ้นสภาพไปใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวทันทีว่า กองทัพเขาไม่ใช่กองทัพเรา กองทัพเราไม่มีวันสิ้นสภาพ

ต่อมาในช่วงค่ำวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายอนุทินโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า Thailand’s direction remains status quo. No ceasefire. (แปลว่าทิศทางของไทยยังคงเดิม ไม่มีการหยุดยิง)

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าจับตาก็คือ แรงกดดันจากภายนอกที่มีข่าวว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะโทรศัพท์มาบีบให้ไทยและกัมพูชาต้องหยุดยิง และกลับไปทำตามปฏิญญาสันติภาพ ที่ลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย แม้ว่าที่ผ่านมา นายอนุทิน จะยืนยันจะไม่ยอมเจรจาด้วยก็ตาม

และสิ่งที่ต้องจับตาก็คือสหรัฐจะยกเอาเรื่องภาษีนำเข้ามาบีบไทยหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ระงับการเจรจาภาษีการค้า 19 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว หลังจากที่ นายอนุทิน ได้ประกาศยกเลิกปฏิญญาสันติภาพที่ทำเอาไว้กับฝ่ายกัมพูชา หลังจากถูกละเมิดมาหลายครั้ง

ดังนั้นหากจับอาการแล้วถือว่าครั้งนี้ ไทยน่าจะ “เอาจริง” และเอาให้จบโดยเร็ว คงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อเกินความจำเป็น อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันให้มหาอำนาจภายนอกที่บีบให้ต้องหยุดยิงแล้วสร้างปัญหาให้คาเอาไว้เช่นเดิมอีก และการโจมตีครั้งนี้ยังมุ่งเป้าไปที่ “หัวใจ” คือ กาสิโน แหล่งสะแกมเมอร์ ซึ่งเป็น “ทุน” ของ “ฮุนเซน” ขณะเดียวกันยังถูกที่ถูกเวลาเพราะยังเป็นการเพิ่มคะแนนนิยมในช่วงสำคัญอีกด้วย งานนี้ถึงได้บอกว่ากัมพูชาจุกแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น