รมว.ยุติธรรม สั่งทบทวน แก้ไขหลักเกณฑ์ผู้ต้องขังพักโทษ-ส่งรักษาตัวนอกเรือนจำ ตามข้อสังเกต ป.ป.ช. หลังจากเกิดกรณี “ชั้น14” จนเป็นเหตุให้ศาลฎีกา สั่ง "ทักษิณ" กลับไปรับโทษในเรือนจำ ตามคำพิพากษาของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำหนังสือบันทึกข้อความ ถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้พิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎ ระเบียบ ประกาศ หลักเกณฑ์ และแนวทาง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ การพิจารณาการพักการลงโทษ และการกำหนดอาณาเขตในสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำให้เป็นสถานที่คุมขัง
โดยมีรายละเอียดว่า ด้วยปรากฏว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการ ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ต้องขัง ซึ่งพบว่ากระบวนการพิจารณาและการตีความระเบียบ หลักเกณฑ์อาจก่อให้เกิดความไม่ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหน่วยงานเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยความถูกต้อง ชัดเจน รอบคอบ รัดกุม โปร่งใส และเป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงขอให้พิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎ ระเบียบ ประกาศ หลักเกณฑ์ และแนวทาง ดังนี้
1. การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ เช่น การใช้ดุลพินิจของพยาบาลในการ
ส่งตัวผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วย ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ มีความเหมาะสมหรือไม่เพียงใด
2. การพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เช่น การใช้ดุลพินิจของพยาบาล
ในการประเมินแบบประเมินคัดกรอง ควรเป็นแพทย์ผู้ทำการประเมินหรือไม่ แบบประเมินคัดกรองที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีมาตรฐานหรือไม่ ในการพิจารณากรณีไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อยตามประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุ พิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุ 70 ปีขึ้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2563
3. การดำเนินการคุมขังสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง ให้พิจารณาทบทวนการดำเนินการ
เกี่ยวกับระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง โดยต้องจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือแนวทางปฏิบัติต่างๆ ในการบริหารเรือนจำ และการบริหารโทษ ตามอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน เพื่อลดโอกาสการใช้ดุลพินิจที่อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ต้องขังบางราย ตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการประชุมครั้งที่ 76 / 2568 วันที่ 19 สิงหาคม 2568
4. เรื่องอื่นๆ ที่เห็นควรให้มีการปรับปรุงแก้ไขจึงเรียนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานผลการดำเนินการให้ทราบโดยด่วน


