xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.กระจายอำนาจ” แนะ ปรับกฎท้องถิ่นเก็บขยะ บรรเทาภาระค่าใช้จ่าย - ลดค่าครองชีพให้ประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้( 8 พ.ย.)นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์  สส.ระนอง  พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น  และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา กมธ.ได้พิจารณา เรื่อง การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2567 โดยเชิญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) นายกสมาคมอบจ.แห่งประเทศไทย นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลประเทศไทย นายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง และนายกสมาคมอบต.แห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมฯ ซึ่งขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 4 พ.ย.68 และได้มีมติเห็นชอบให้ยกเว้นการบังคับใช้ กฎกระทรวงดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1ปี (ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.68 ถึง 16 พ.ย.2569)

นายคงกฤษ กล่าวว่า นอกจากนี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือการให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถจัดเก็บรายได้จากค่ากำจัดสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอยได้ และจะมีบัญชีแนบท้ายในอดีตตามกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำราคาเริ่มต้น 30 บาท โดยกำหนดราคาเพียงขั้นต่ำกับขั้นสูง ในการเก็บขยะ 1 ครั้ง ประชาชนจะต้องเสียค่าเก็บ 30 ค่ากำจัดขยะอีก 20 เป็น 50 บาท ดังนั้น “ครม.เห็นว่าสิ่งนี้เป็นภาระกับประชาชนโดยมาก” ในพ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้แต่ละท้องถิ่นจัดทำระเบียบของท้องถิ่นเพื่อที่จะเรียกเก็บเงินได้ ผ่านมาจนถึงเวลาที่จะกำหนดใช้ในวันที่ 18 พ.ย.68 ปรากฏว่ามีท้องถิ่นที่สามารถทำแล้วเสร็จ เพียง ร้อยละ 40 และยังขาดท้องถิ่นอีก ร้อยละ 50 ที่ยังไม่มีความพร้อม  
 
นายคงกฤษ กล่าวว่า ดังนั้นการที่จะให้ท้องถิ่นที่ทำแล้วเสร็จสามารถเก็บได้ ส่วนท้องถิ่นที่ยังทำไม่แล้วเสร็จให้ยกเว้นไปก่อน จึงเกิดความลักลั่น ดังนั้น “ครม.จึงมีมติให้มีการยกเว้นการบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ไปก่อน” และขอให้กระทรวงมหาดไทย ไปปรับปรุงบัญชีแนบท้ายโดยการไม่กำหนดขั้นต่ำ ซึ่งหมายความว่า การจะเรียกเก็บค่าเก็บขยะจากประชาชนขอให้เป็นไปตามความพร้อมของสภาพพื้นที่และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยไม่มีขั้นต่ำตามตามประกาศแนบท้าย 
 
นายคงกฤษ กล่าวว่า ทั้งนี้ กมธ.มีข้อเสนอแนะสำคัญ 4 ข้อดังนี้ 1.แต่ละพื้นที่มีความแตกต่างด้านศักยภาพและรายได้ของประชาชนในแต่ละท้องถิ่น หากกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมแบบเดียวกันทั่วประเทศ อาจจะสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ 2.การกำหนดอัตราที่สูงเกินไปอาจกระตุ้นให้เกิดการหลีกเลื่องและลักลอบทิ้งขอบทิ้งขยะในที่สาธารณะ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหามากกว่าการลดปริมาณขยะ 3. ควรมีมาตรการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ในการส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้การจัดการขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการเสริมสร้างกลไกของอปท.ในการตรวจสอบและติดตามการดำเนินการ 4.ควรสร้างแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นให้ อปท. บริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมินและให้รางวัลจูงใจ เพื่อสร้างแรงผลักดันในการดำเนินการอย่างจริงจังและยั่งยืนต่อไป  อีกทั้งจะเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น