โฆษกรัฐบาล เผย ร่างกฎกระทรวงยกเว้นการใช้บังคับกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2567 โดยให้มีการยกเว้นการบังคับใช้ออกไปก่อน และให้มท.ปรับปรุงบัญชีแนบท้าย โดยไม่กำหนดขั้นต่ำ
วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2567 เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2569 ให้แก่ราชการส่วนท้องถิ่นที่ไม่สามารถออกข้อกำหนดของท้องถิ่นบังคับใช้ได้ตามกฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งจะมีผลให้ส่วนราชการท้องถิ่นเก็บอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อกำหนดของท้องถิ่นเดิมต่อไป ได้แก่ กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. 2559
ซึ่งหากมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2567 เป็นระยะเวลา 1 ปี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะสูญเสียรายได้จากอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวประมาณ 8,300 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่พร้อมจะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมีจำนวน 457 แห่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 43.2 และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังไม่พร้อมดำเนินการมีจำนวน 603 แห่ง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 57
โดยการกำหนดให้ขยายระยะเวลาปฏิบัติตามกฎกระทรวงฯ ให้แก่เฉพาะราชการส่วนท้องถิ่นที่ไม่สามารถออกข้อกำหนดของท้องถิ่นได้ก่อนวันที่กฎกระทรวงจะมีผลบังคับผลใช้บังคับ ทำให้ราชการส่วนท้องถิ่นจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามกฎกระทรวงคนละฉบับ ในอัตราที่ต่างกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับประชาชนที่ชำระค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ครม. จึงมีมติให้มีการยกเว้นการบังคับใช้ออกไปก่อน และให้กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงบัญชีแนบท้าย โดยไม่กำหนดขั้นต่ำ
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีไว้แล้ว


