xs
xsm
sm
md
lg

DPU ร่วมขับเคลื่อนโครงการ “การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา” สู่ภาคกลาง–เหนือ ขยายผลแนวคิด AI Embedded Education หนุน Active Learning อย่างเป็นระบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “AI for Education” ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวง อว. (สป.อว.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผ่านการดำเนินงานของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) โดยล่าสุดทีมอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ DPU ได้ร่วมให้ความรู้ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา” รอบที่ 2 และ 3 ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ เพื่อยกระดับศักยภาพคณาจารย์ทุกสาขาให้สามารถนำ AI ไปใช้ในการเรียนการสอนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดำเนินงานรอบที่ 2 ของโครงการ “การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–21 ธันวาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โดยมีผู้บริหารและคณาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษาในภาคกลางจาก 37 สถาบัน เข้าร่วม โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก DPU นำโดย ผศ. ดร.ธิติพงศ์ ตันประเสริฐ หัวหน้าโครงการ AI Embedded Education ของ DPU และ อาจารย์ภควดี วรรณพฤกษ์ จากคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม DPU ถ่ายทอดแนวทางการใช้ AI Chatbot เพื่อกระตุ้นการค้นหาข้อมูลและความคิดสร้างสรรค์

ส่วนการดำเนินงาน รอบที่ 3 ในพื้นที่ภาคเหนือ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25–26 ธันวาคม 2568 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยทีมวิทยากรจาก DPU นำโดย ผศ. ดร.ธิติพงศ์ ร่วมกับ อาจารย์ Simran Kayastha จากวิทยาลัยนานาชาติ IC-DPU ถ่ายทอดแนวคิด AI Embedded Education และสาธิตการใช้ AI Teaching Assistant Bot ในรายวิชาจริง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเห็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ในการเรียนการสอน

ขณะเดียวกัน เนคเทค สวทช. ได้จัดกิจกรรม Workshop ผ่านแพลตฟอร์ม Abdul UNI: Educational AI Platform เพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์ผู้เข้าร่วมได้ฝึกกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) และลงมือสร้างต้นแบบห้องเรียนอัจฉริยะ โดยมีระบบ AI Tutor ช่วยสนับสนุนการออกแบบบทเรียนและการดูแลผู้เรียนรายบุคคล พร้อมจัดการชั้นเรียนได้อย่างเป็นระบบและครบวงจร

ผศ. ดร.ธิติพงศ์ เปิดเผยถึงหัวใจสำคัญของแนวคิด AI Embedded Education ที่ถ่ายทอดในการอบรมคือการใช้ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยกระจายความช่วยเหลือไปยังนักศึกษาในรูปแบบกลุ่มย่อย เพื่อแก้จุดอ่อนของการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่มักเผชิญข้อจำกัดเมื่อผู้สอนไม่สามารถดูแลทุกกลุ่มงานได้ทันเวลา การออกแบบระบบให้มี AI ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสอนประจำกลุ่มจึงช่วยให้กระบวนการเรียนรู้ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอคอยผู้สอนเพียงคนเดียว ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมหลากหลายสาขา ตั้งแต่วิศวกรรมไปจนถึงสายศิลปกรรมศาสตร์ที่เริ่มมีทัศนคติเชิงบวกต่อการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในระบบการสอนเดิม

"แนวคิดของ DPU คือการใช้ AI เพื่อเสริมพลังให้อาจารย์ เปลี่ยนบทบาทจากผู้ถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ ในการจัดการเรียนแบบ Active Learning เดิม อาจารย์ต้องเคลื่อนไปตามกลุ่มต่างๆ เพื่อช่วยให้การเรียนรู้ของนักศึกษาคืบหน้าตามขั้นตอนที่ออกแบบไว้ AI จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยกระจายความช่วยเหลือไปยังแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม ทำให้อาจารย์สามารถควบคุมจังหวะการเรียนรู้ในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

นอกจากการแก้ปัญหาเชิงเทคนิคแล้ว การออกแบบนวัตกรรมดังกล่าวยังมุ่งเน้นการสร้างทักษะ AI Literacy ที่สำคัญ คือการฝึกให้นักศึกษาโต้ตอบกับ AI ตามลำดับขั้นตอนของบทเรียนโดยไม่มีการข้ามเนื้อหา เพื่อสร้างวินัยในการเรียนรู้และทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง กระบวนการนี้ช่วยให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียนเข้าใจธรรมชาติของปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ได้ทำงานเหมือนเครื่องจักรสำเร็จรูป แต่เป็นระบบที่ต้องอาศัยการสื่อสารและการกำกับอย่างมีตรรกะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการศึกษาที่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

“ปัญญาประดิษฐ์ไม่ใช่เครื่องจักรที่สั่งการแล้วจะได้ผลลัพธ์ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอไป แต่เป็นแบบจำลองจากข้อมูลที่ย่อมมีความไม่สมบูรณ์ตามธรรมชาติ มนุษย์เราอาจจะชินกับการสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบสนองแบบเที่ยงตรง แต่กับการสื่อสาร AI จะต้องเข้าใจความคลาดเคลื่อนที่จะเกิดขึ้นได้” ผศ. ดร.ธิติพงศ์ อธิบาย

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญที่คณาจารย์ต้องเผชิญคือความเร็วของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ผศ.​ ดร.ธิติพงศ์ เล่าว่า เนื้อหาที่ใช้ในการบรรยายเพียงเดือนก่อนหน้านี้ก็ต้องปรับใหม่ในรอบถัดมา เพราะสิ่งที่ DPU คิดค้นเมื่อปีที่แล้ว กำลังถูกพัฒนาเป็นเครื่องมือที่เปิดให้ใช้ฟรีโดยทั่วไปแล้ว เช่น Google ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างและแชร์ AI ได้เอง

และจากพลวัตความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี AI รวดเร็วมาก ภายในเวลาไม่ถึงปี และในอีก 3–6 เดือนข้างหน้าก็จะมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นแน่นอน ความเร็วระดับนี้ทำให้ผู้สอนต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ว่าเพิ่งสอนจบหนึ่งภาคเรียน พอเริ่มภาคเรียนใหม่ก็ต้องปรับเนื้อหาอีกครั้งเพื่อให้ทันสมัยอยู่เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดจึงอยู่ที่การสร้างความคุ้นเคยและความยืดหยุ่นกับ AI เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของปัญญาประดิษฐ์และสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

“สำหรับ DPU เอง ผู้บริหารมหาวิทยาลัยนำโดย ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี และ ผศ. ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ กำหนดให้การใช้ AI ในการเรียนการสอนเป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดความสำเร็จหลัก (KPI) ของอาจารย์ ทำให้อาจารย์ต้องปรับตัวตาม และจากที่เห็น อาจารย์ก็มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับตัวได้รวดเร็ว ทำให้สามารถเกาะคลื่นเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ทัน” ผศ. ดร.ธิติพงศ์ เน้นย้ำ

การปรับตัวอย่างรวดเร็วนี้ถือเป็นความสำเร็จของมหาวิทยาลัย และเป็นทิศทางที่ดีในการเสริมอาวุธอย่างปลอดภัยให้แก่การศึกษา และสามารถผสานเข้ากับโครงสร้างการเรียนการสอนเดิมได้อย่างราบรื่น

ทั้งนี้ การอบรมเชิงปฏิบัติการ "การประยุกต์ใช้ AI ในการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา" ประจำปี 2568 ยังคงมีกำหนดจัดต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา












กำลังโหลดความคิดเห็น