xs
xsm
sm
md
lg

เปิด 4 ข้อสงสัยจากคนกัมพูชาถึง "ฮุน เซน" ตั้งคำถามปมความขัดแย้งไทยรุกรานจริงหรือแค่สร้างสถานการณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจ “ปราชญ์ สามสี” เปิดโพสต์สะเทือนการเมืองกัมพูชา ถ่ายทอดทัศนะสุดคมของนักวิจารณ์ชื่อดังชาวกัมพูชา ที่กล้าตั้งคำถามจี้ใจดำผู้นำกัมพูชา แฉความย้อนแย้งวาทกรรมไทยรุกรานพร้อมเปิดหลักฐานการเคลื่อนกำลังทหารและการจ้างล็อบบี้ยิสต์ในอเมริกา ชวนประชาชนทั้งสองประเทศตาสว่าง ถามหาความจริงเบื้องหลังความขัดแย้งที่อาจเป็นเพียงหมากทางการเมืองของผู้มีอำนาจ

วันนี้ (26 ธ.คุณ) เพจ “ปราชญ์ สามสี“ ออกมาโพสต์ข้อความ ถ่ายทอดทัศนะของ Mounh Sarath นักวิจารณ์การเมืองกัมพูชา ที่ออกมาตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาต่อกลุ่มผู้สนับสนุนพรรค CPP และรัฐบาลฮุน เซน เกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ระบุข้อความว่า

“ผมได้มีโอกาสไถอินเทอร์เน็ตไปเรื่อย ๆ แล้วไปเจอคำพูดของคนคนหนึ่งชื่อ Mounh Sarath ซึ่งเป็นคนจัดรายการและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองกัมพูชา ผมว่าที่น่าสนใจไม่ใช่เพราะเขาโจมตีใคร แต่เพราะเขาตั้งคำถามกับคนกัมพูชาด้วยกันเองอย่างตรงไปตรงมา
.
ผมว่าเขาพูดดีนะ และที่สำคัญคือเขาตั้งคำถามได้ตรงจุด ไม่ใช่การด่าศัตรูเพื่อเอาใจฝ่ายตัวเอง แต่เป็นการหันกลับไปถามว่า คนกัมพูชากำลังเชื่ออะไรกันอยู่ และเชื่อเพราะเข้าใจจริง หรือเชื่อเพราะถูกสอนให้เชื่อ
.
เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าบิดเบือน ผมขอยกคำพูดของเขามาทั้งหมดในรูปแบบคำแปลภาษาไทยแบบถอดตรง ดังนี้
.
“ขอถามไปยังเพื่อน ๆ ที่สนับสนุนพรรค CPP ช่วยตอบหน่อยเถอะ สิ่งที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้คือ เหตุใดทุกท่านจึงยังคงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อและถ้อยคำเท็จของนายฮุน เซน ที่อ้างว่า ‘ประเทศไทยเป็นฝ่ายรุกราน’ โดยไม่พิจารณาเหตุผลอย่างรอบคอบเลย
.
ข้อที่ 1 ทุกท่านทราบอย่างชัดเจนหรือไม่ถึงต้นตอของความขัดแย้งหรือสงครามครั้งนี้ หากยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ การเชื่อตามการเผยแพร่ข้อมูลจากฝ่ายเดียวถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง ขอให้ไปอ่านรายงานสืบสวนของนิตยสาร Janes Defence Weekly ซึ่งรายงานเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังทหารและการสร้างฐานที่มั่นทางทหารตามแนวชายแดนกัมพูชา–ไทย รวมถึงการประเมินของสถาบันนโยบายการป้องกันประเทศออสเตรเลีย ที่แสดงให้เห็นบริบทของการเพิ่มระดับความตึงเครียดอย่างชัดเจน
.
ข้อที่ 2 หากนี่คือการรุกรานอย่างแท้จริง เหตุใดนายฮุน เซน จึงไม่ยื่นฟ้องต่อสถาบันระหว่างประเทศ เช่น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด ทั้งที่กัมพูชามีฐานทางกฎหมายและสนธิสัญญาระหว่างประเทศจำนวนมากคุ้มครองอยู่แล้ว รวมถึงสนธิสัญญาฝรั่งเศส–สยาม ปี 1904 และ 1907 และข้อตกลงสันติภาพปี 1991
.
ข้อที่ 3 เหตุใดจึงมีการขุดคูเพลาะและตั้งฐานที่มั่นทางทหารในพื้นที่สามเหลี่ยมมุมสาม ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ร่วมของบันทึกความเข้าใจ ปี 2000–2001 และนำไปสู่ความขัดแย้งด้วยอาวุธ อีกทั้งเหตุใดจึงมีการจัดการปลุกปั่นความโกรธแค้น ผ่านการส่งศิลปินและนักแสดงไปยั่วยุที่ปราสาทตาเมือนธม ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นเลย
.
ข้อที่ 4 ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าสหรัฐอเมริกามองกัมพูชาในบริบทของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติอย่างร้ายแรง ร่างกฎหมาย H.R. 5490 มีวัตถุประสงค์เพื่อปราบปรามและทำลายเครือข่ายฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกกล่าวหาว่าได้รับการคุ้มครองจากอำนาจทางการเมืองในกัมพูชา
.
นอกจากนี้ ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 เหตุใดนายฮุน เซน จึงไปว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐอเมริกา เพื่อดึงการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ล่วงหน้า หากการกระทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่แผนการสร้างความขัดแย้งที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตของทหารและประชาชนชาวกัมพูชา แล้วสิ่งเหล่านี้คืออะไรกันแน่”
.
เมื่ออ่านทั้งหมดนี้แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญอาจไม่ใช่ว่าเราจะเห็นด้วยกับเขาทั้งหมดหรือไม่ หากแต่อยู่ที่คำถามเหล่านี้ได้เปิดพื้นที่ให้สังคมเริ่มใช้เหตุผลแทนอารมณ์ และเริ่มกล้าสงสัยต่อคำอธิบายที่ถูกป้อนซ้ำ ๆ มายาวนาน
.
ในห้วงเวลาที่สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ผมอยากชวนทั้งคนไทยและคนกัมพูชา ให้ช่วยกันตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ต่อกันเอง แต่ต่อผู้นำกัมพูชาในเวลานี้ว่า กำลังทำอะไรอยู่ และกำลังพาประเทศกับประชาชนของตนไปสู่ทิศทางใด
.
เพราะสงครามไม่เคยเป็นผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ว่าจะชาติใด หากแต่เป็นผลลัพธ์ของการตัดสินใจจากคนไม่กี่คนที่อยู่บนอำนาจ และหากสังคมไม่เริ่มตั้งคำถามเสียตั้งแต่วันนี้ ความสูญเสียก็จะยังถูกอธิบายว่าเป็น “ความจำเป็น” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ“
กำลังโหลดความคิดเห็น