นักสังเกตการณ์ทางทหารและแอดมินเพจ Thaiarmedforce ออกมาแสดงความเห็นถึงสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย–กัมพูชา ชี้ขณะนี้เป็นจังหวะเหมาะสมในการหยุดยิง หลังไทยสามารถยึดพื้นที่สำคัญและได้เปรียบทางยุทธวิธีกลับมาแล้วราว 90% พร้อมเตือนต้นทุนสงครามสูงทั้งงบประมาณและความสูญเสียของประชาชน ย้ำการรบให้จบเด็ดขาดไม่มีจริง และไทยไม่สามารถทำสงครามยืดเยื้อได้จนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4
วันนี้ (25 ธ.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Analayo Skyman korsakul” นักสังเกตการณ์ทางทหารและแอดมินเพจ Thaiarmedforce ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสู้รบบริเวณชายแดนระหว่างไทยและเขมรว่า ขณะนี้ควรหยุดยิงได้แล้ว โดยย้ำหลักคิดว่า ต้องพยายามหลีกเลี่ยงสงครามให้มากที่สุด แต่เมื่อสงครามเกิดขึ้นแล้วก็ต้องใช้ต้นทุนที่ลงไปให้คุ้มค่า ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าคุ้มแล้ว เพราะสามารถยึดพื้นที่สำคัญและได้เปรียบทางยุทธวิธีกลับมาประมาณ 90% ลดโอกาสเกิดสงครามในอนาคตได้ระดับหนึ่ง
ผู้เขียนย้ำว่าการ “รบให้จบเด็ดขาด” ไม่มีจริง และไม่สามารถทำให้กองทัพฝ่ายตรงข้ามสิ้นสภาพได้จากการรบระดับนี้ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการคืนมามากแล้ว การหยุดยิงจึงเหมาะสมที่สุด เพื่อรักษาชีวิตคนและลดต้นทุนอื่น ๆ พร้อมขอให้เข้าใจหากมีการลงนามหยุดยิง เพราะไม่สามารถลากสงครามเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 ได้ ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
“ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่ควรจะหยุดยิงได้แล้วครับ
ที่ TAF ตอนยังไม่ได้ยิงกัน พวกเราย้ำตลอดว่าสงครามไม่ควรเกิดขึ้น ถ้ามีหนทางที่จะแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องรบกันต้องเลือกทางนั้นก่อน พวกเราก็โดนท่าน ๆ ด่ากันเยอะแยะ แต่ก็ไม่เป็นไร
พอรบกันแล้ว เราพูดว่าเอาให้เต็มที่ ให้คุ้มกับที่ลงทุนไป ใช้เวลาที่มีให้เต็มที่ เพื่อจบปัญหาให้ได้มากที่สุด แม้เราจะเชื่อว่าทำให้จบ ๆ ไปไม่มีจริง ซึ่งเราก็โดนท่าน ๆ ด่าอีกเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก
เพราะเรามีหลักคิดว่า เราต้องพยายามอย่างที่สุดไม่ให้เกิดสงคราม แต่ถ้าเกิดสงครามแล้ว เราต้องใช้ต้นทุนที่ลงไปให้คุ้มที่สุดก่อนจะจบสงคราม
แต่ต่อไปนี้คือความเห็นของผมเองคือ สงครามครั้งนี้คุ้มแล้ว และควรจบได้แล้ว
คุ้มแล้วคือ ถ้าเราทำสงคราม เราควรยึดพื้นที่ที่เชื่อว่าเป็นของเราไว้ก่อน และยึดพื้นที่ที่ทำให้เราได้เปรียบทางยุทธวิธีได้มากที่สุด สิ่งเหล่านี้มองในแง่ยุทธวิธี มันจะลดโอกาสการเกิดสงครามรอบหน้าด้วยซ้ำ เพราะข้าศึกมองว่ายากมากที่จะยึดคืน หรือถ้าเกิดขึ้นมา การสูญเสียก็จะน้อย
เราอาจจะยังไม่ได้อีกบางจุด แต่จุดที่เราได้คืนมาก็ 90% แล้ว ดังนั้นผมมองว่าคุ้มแล้วที่จะหยุดได้
โลกปล่อยให้เรามีเวลาในการทำในสิ่งที่ต้องทำมาเยอะแล้ว เราได้เวลาปฏิบัติการทางทหารเกือบ 3 สัปดาห์ ทั้งมหาอำนาจทั้งองค์กรนานาชาติให้เวลาเราแบบที่คาดไม่ถึง ซึ่งถือว่าดีมาก แต่เวลาเหล่านี้มีจำกัด สุดท้ายเขาจะไม่ยอมให้เราลากไปไกลกว่านี้ เราเป็นประเทศเล็กเกินและไม่สำคัญเกินกว่าที่ใครจะมาเลือกข้างและหนุนให้ทำสงครามได้เรื่อย ๆ ที่นี่ไม่ใช่ตัวแทนหรือสนามของมหาอำนาจในการงัดข้อกันแบบอิสราเอล-อิหร่าน หรือยูเครน-รัสเซีย แบบที่คนไทยหลายคนสำคัญตัวเองผิด
ต้นทุนของการทำสงครามมีเยอะ ผมประเมินคร่าว ๆ ว่าอย่างน้อยต้องมีวันละ 1 พันล้านบาทไม่นับความสูญเสียทางเศรษฐกิจ แปลว่าตอนนี้เราลงทุนน่าจะทะลุ 2 หมื่นล้านบาทแล้ว ต้นทุนทางเศรษฐกิจอื่นก็มีเยอะ ลองถามชาวบ้านหลายคนที่อพยพกลับทั้งที่การสู้รบยังไม่จบดูได้ว่าเขาโดนอะไรบ้าง
สุดท้ายผมย้ำว่าการรบให้จบ ๆ ไปไม่มีจริง ตราบใดที่อีกฝั่งไม่ละเจตจำนงค์ในการต้องการก่อสงครามเดี๋ยวมันก็มีอีก รอบหน้าค่อยเอาที่ยังไม่ได้คืนมาก็ยังไม่สาย หรือการทำให้กองทัพกัมพูชาสิ้นสภาพไม่มีจริง ถ้าเรารบแค่นี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดสิ่งนี้ขึ้น (ย้ำอีกทีมันต่างจากสิ่งที่ TAF พูดว่าต้องทำลายขีดความสามารถของกัมพูชาให้ได้มากที่สุด)
เราลงทุนเวลาเพื่อเซฟต้นทุนอย่างอื่นคือชีวิตคน เพราะรอบนี้เรามีเวลา เราได้ในสิ่งที่ต้องการคืนมาเยอะแล้ว แม้จะยังไม่หมด ดังนั้นควรต้องจบได้แล้ว
วันที่ 27 นี้ เชื่อว่ายังไงก็ต้องจบ ถ้าสุดท้ายมีการลงนามหยุดยิงจริง ก็ขอความกรุณาอย่าบ่นอย่าด่า เราไม่สามารถทำสงครามลากยาวนานได้
ต่อให้วัดเรื่องการแก้แค้นหรือการเอาคืน รบมาเกือบสามสัปดาห์ ได้อะไรคืนมาขนาดนี้ ทำลายเขาไปได้พอสมควร ผมก็คิดว่านี่คือการเอาคืนที่สาสมพอแล้ว
สงครามไม่สามารถมีสัปดาห์ที่ 4 ได้แล้วครับ #ชายแดนไทยกัมพูชา“


