เปิดเบื้องลึกโต๊ะเจรจา GBC จันทบุรีที่จบไวเกินคาด ไม่ใช่คุยไม่รู้เรื่องแต่คือการ 'วางหมากรุกฆาต' บีบพนมเปญจนหน้าถอดสี กับ 3 เงื่อนไขเหล็กที่ไทยวางไว้บนโต๊ะ จะยอมถอดเกราะเพื่อสันติภาพ หรือจะรอวันพิพากษา 27 ธันวาคมนี้? เมื่อไทยถือไพ่เหนือกว่าทั้งกำลังรบและเศรษฐกิจ
จากกรณี “เตีย เซยฮา” รมว.กลาโหมกัมพูชา ส่งถึง “บิ๊กเล็ก” ขอเจรจาหยุดยิงในที่ประชุม GBC และให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมตามแถลงการณ์ร่วม 28 ต.ค.ที่กัวลาลัมเปอร์ ไทยย้ำต้องพิสูจน์ความจริงใจตาม 3 เงื่อนไขหลัก เดินหน้าประชุมจีบีซี ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “padermchai goonpiboon” ออกมาโพสต์ข้อความวิเคราะห์ว่า การประชุม GBC ระดับเลขานุการที่จันทบุรีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2568 ที่จบลงในเวลาเพียง 35 นาที ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็น "สงครามประสาท" และการยื่นคำขาดจากฝ่ายไทย โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
“ถ้าใครมองว่าการประชุม GBC ระดับเลขานุการที่จันทบุรีเมื่อเย็นวันนี้จบไวเพราะคุยไม่รู้เรื่อง... คุณกำลังโดนแกงครับ! ❌ จริง ๆ แล้ว "35 นาที" คือ การเดินหมากที่โคตรเหี้ยมของไทย ที่บีบจนกัมพูชาหน้าถอดสีเดินกลับข้ามสะพานแทบไม่ทัน
ในฐานะที่ผมตามเกมนี้มาตลอด บอกเลยว่านี่คือ "สงครามประสาทระดับ Masterpiece" ที่ฝ่ายไทยเป็นคนคุมจังหวะรุกรับทั้งหมด มาดูครับว่าทำไมผมถึงกล้าฟันธงแบบนี้ 👇
1. ⏱️ 35 นาทีแห่งการ "ตบหน้า" ทางการทูต
การที่คณะกัมพูชาเดินข้ามสะพานมาแล้วต้องเดินกลับภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง มันสะท้อนว่า "ไทยยื่นคำขาด (Ultimatum) แบบไม่มีทางถอย" * ไทยไม่ได้นัดมาเพื่อถามความเห็น แต่ไทยวาง "3 เงื่อนไขเหล็ก" ลงบนโต๊ะ:
1. ต้องประกาศหยุดยิงก่อน: ใครเริ่มคนนั้นต้องหยุด นี่คือการบังคับให้เขายอมรับสถานะ "ผู้รุกราน" ต่อหน้าสายตาอาเซียน
2. ต้องตรวจสอบได้จริง: ไม่เอาแค่ลมปาก แต่ต้องมีผู้สังเกตการณ์เข้าไปเช็คถึงฐานปืนใหญ่
3. ต้องร่วมมือกู้ระเบิด: ข้อนี้ คือ หมัดน็อก! เพราะทุ่นระเบิด คือ อาวุธเดียวที่เขาใช้ถ่วงดุลกองทัพไทย ถ้าเขายอมกู้ ก็เท่ากับยอม "ถอดชุดเกราะ" ตัวเองออกครับ
2. 🥊 เกมนี้ไทย "เหนือกว่า" ทุกประตู
ข้อมูลวงในระบุชัดว่า กองทัพไทย (ทอ. และ ทบ.) ได้ทำการ "สั่งสอนเชิงยุทธวิธี" ไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งการถล่มคลังอาวุธที่พระตะบอง และการตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ที่แม่นยำจนฝั่งนั้นสูญเสียหนัก (มีรายงานลับว่าข้าศึกเสียชีวิตกว่า 2,000 รายในรอบสัปดาห์!)
* การที่ไทยย้ำว่า "จะไม่ลงนามถ้าข้อตกลงคลุมเครือ" คือ การส่งสัญญาณว่า "เราไม่รีบ" แต่คนที่รีบ คือพนมเปญที่โดนปิดด่านจนเศรษฐกิจชายแดนพังพินาศ! 💸💣
3. 🕵️♂️ ส่องพฤติกรรม "เขมรไม่จริงใจ"
ในขณะที่ปากบอกอยากคุย แต่ในสนามรบยังแอบใช้ โดรน FPV โจมตีพลเรือนไทยที่ปราสาทตาควายและผามออีแดงอยู่เลย! พฤติกรรมแบบ "ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ" แบบนี้ ไทยเรารู้ทันครับ 35 นาทีในห้องประชุมวันนี้ ทางเราเลยไม่ได้มานั่งจิบกาแฟ แต่มาเพื่อบอกว่า "เลิกเล่นละคร แล้วกลับไปตัดสินใจมาว่าจะเอาสันติภาพจริง ๆ หรือจะเอาซากปรักหักพัง!"
⚠️ วันที่ 27 ธันวาคม... "วันพิพากษา" ของจริง!
นับจากคืนนี้ถึงวันที่ 26 คือ ช่วงเวลาที่ดุเดือดที่สุดใต้พรมเจรจา:
* ถ้ากัมพูชายอม: รมว.กลาโหมสองชาติจะลงนามในวันที่ 27 นี้ และนั่นคือ "การยอมสยบ" ภายใต้เงื่อนไขไทยอย่างราบคาบ
* ถ้ากัมพูชาดื้อ: เตรียมตัวครับ! หลังวันที่ 27 ทหารไทยจะได้รับ "ไฟเขียวเต็มรูปแบบ" ในการกวาดล้างสิ่งแปลกปลอมตลอดแนวชายแดนแบบไม่ยั้งมือ เพราะถือว่าการเจรจาถึงที่สุดแล้ว! 🛡️🔥
💡 สรุปน้ำหนักข้อมูล
* ความชอบธรรม: ไทยทำตามกฎการใช้กำลัง (ROE) และหลักสากล 100%
* กำลังรบ:เราควบคุมพื้นที่ เราคุมน่านฟ้าและอำนาจการยิงปืนใหญ่ได้เบ็ดเสร็จ
* เศรษฐกิจ: เราปิดด่านเราเจ็บนิดหน่อย แต่เขาเจ็บปางตาย!
> "จำไว้นะครับ... สันติภาพไม่ได้สร้างด้วยคำพูดสวยหรู แต่มันสร้างด้วยเงื่อนไขที่ตรวจสอบได้ 35 นาทีวันนี้คือเสียงเงียบที่ดังที่สุดของกองทัพไทยที่บอกว่า... รอบนี้กูเอาจริงจร้า!" 🇹🇭💪
✍️ พีระชาติ อินตา ๒๔/๑๒/๒๕๖๘“


