xs
xsm
sm
md
lg

ไทยถือไพ่เหนือกว่า! วิเคราะห์สมรภูมิ "ห้วยตามาเรีย" จุดปะทะสุดท้ายก่อนหยุดยิง ทหารไทยดัดแปลงที่มั่นแกร่ง เขมรตีคืนยาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปะทะเดือดจุดสุดท้าย! เผยสถานการณ์ห้วยตามาเรีย กัมพูชาพยายามรวมกำลังบุกยึดภูมะเขือคืน หวังเชิญธงกู้ศักดิ์ศรีหลังเสียรังวัดเกือบทุกแนวรบ ขณะที่ฝ่ายไทยยังแข็งแกร่ง ดัดแปลงที่มั่นรับมือแน่นหนา พร้อมจุดตรวจการณ์ที่ทำให้การยิงปืนใหญ่แม่นยำจนยากที่อีกฝ่ายจะเจาะเข้ามาได้

วันนี้ (23 ธ.ค.) เพจ “thaiarmedforce.com” ออกมาโพสต์ข้อความ เผย ปัจจุบันการปะทะในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เหลือจุดสำคัญคือ ห้วยตามาเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ทหารกัมพูชายังยึดครองอยู่ แต่ภาพรวมฝ่ายไทยมีความได้เปรียบทางยุทธวิธีสูงกว่า หลังจากไทยสามารถยึดคืน ภูมะเขือ และพื้นที่โดยรอบ (ช่องโดนเอาว์-พลาญหินแปดก้อน) รวมถึงคุมจุดยุทธศาสตร์ทางตะวันออกไว้ได้ ทำให้กัมพูชาเสียอิทธิพลในพื้นที่เกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางเพจเผยว่า กัมพูชาพยายามรุกหนัก แต่เป็นไปได้ยากที่จะยึดคืนสำเร็จ เนื่องจากฝ่ายไทยได้ดัดแปลงที่มั่นจนแข็งแกร่ง และการครองภูมะเขือทำให้ไทยมีจุดตรวจการณ์ที่ช่วยให้การยิงปืนใหญ่แม่นยำสูง คาดว่ากัมพูชาจะมีกำลังไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายก่อนที่จะมีการหยุดยิงเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

“ตอนนี้จุดการปะทะหลักใน #ชายแดนไทยกัมพูชา ของพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เหลืออยู่จุดเดียวคือห้วยตามาเรีย ซึ่งเป็นร่องน้ำที่ไหลระหว่างภูมะเขือกับเขาพระวิหารลงไปที่ช่องคานม้าผ่านวัดแก้วฯ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เราเคยได้ยินกันมาตั้งแต่อดีต ตรงนี้ทหารกัมพูชายึดครองอยู่ในฐานะส่วนหนึ่งของการวางกำลังบนปราสาทพระวิหารและภูมะเขือ

สมการการวางกำลังเปลี่ยนไปตอนที่ไทยผลักดันกัมพูชาและยึดภูมะเขือกลับคืนมาได้ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ทางตะวันตกคือช่องโดนเอาว์ ยาวไปจนถึงพลาญหินแปดก้อน เมื่อประกอบกับการที่ไทยควบคุมช่องตาเฒ่าและสัตตะโสมทางด้วยตะวันออกได้แล้ว เท่ากับว่ากัมพูชาเสียอิทธิพลในการควบคุมพื้นที่ในแถบนี้เกือบหมด เพราะไทยยึดจุดที่ได้เปรียบในทางยุทธวิธีเอาไว้ได้ ทำให้กัมพูชาต้องถอนตัวออกไปค่อนข้างไกล โดยกรณีนี้ก็ไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นบนเนิน 677 หรือเนิน 350

แต่การที่กัมพูชากลับมาพยายามตีเพื่อยึด #ภูมะเขือ และโซน #พลาญหินแปด ก้อนใหม่ในช่วง 4 - 5 วันนี้ โดยเป็นแนวเดียวที่กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกและไทยเป็นฝ่ายรับ เราคิดว่ามีเหตุผลบางประการคือ

1. กัมพูชาเสียพื้นที่แทบทุกแนวแล้ว อาจจะยังเหลือเนิน 745 ที่ยังไม่มีความคืบหน้า แต่จุดหลักนั้นไทยผลักดันกัมพูชากลับไปได้หมด ดังนั้นนอกจากกัมพูชาจะไม่มีอะไรไปเคลมชัยชนะกับประชาชนได้ ยังถือว่าเสียรังวัดและเสียหายทางการเมืองในประเทศค่อนข้างมาก ถ้ากัมพูชายึดบางพื้นที่กลับคืนมาได้บ้างก็จะถือเป็นชัยชนะเล็ก ๆ บนความพ่ายแพ้ใหญ่

2. พื้นที่โซนอีสานใต้นี้กัมพูชาไม่ต้องตั้งรับแล้ว เพราะแทบไม่มีพื้นที่ให้ตั้งรับ ดังนั้นกัมพูชาสามารถรวบรวมกำลังให้เป็นกำลังขนาดใหญ่เพื่อรวมอำนาจการยิงเข้ามาในจุดเดียวได้ โดยจุดที่กัมพูชาเลือกก็คือพลาญหินแปดก้อน ภูมะเขือ และห้วยตามาเรีย

3. คิดว่าสาเหตุที่กัมพูชาเลือกพื้นที่นี้เพราะตนเองมีพื้นที่ได้เปรียบอยู่จุดเดียวและเป็นพื้นที่ที่ไทยไม่เข้าไปยึดครองแน่นอนคือปราสาทพระวิหาร นอกจากนั้นยังควบคุมพื้นที่ในช่องคานม้าและห้วยตามาเรียเอาไว้ได้บางส่วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรุก ถ้ากัมพูชาสามารถยึดคืนภูมะเขือได้ อิทธิพลทางทหารก็จะกลับมาสู่กัมพูชา ซึ่งอาจจะต่อยอดไปยึดครองช่องโดนเอาว์ และอาจจะใช้ความได้เปรียบทางภูมิประเทศตีต่อไปประชิดกำลังฝ่ายไทยที่ผามออีแดงได้ หรือในโซนตะวันตกถ้าสามารถบรรจบกับกำลังที่ตีขึ้นมาตรงผลาญหินแปดก้อนได้ ก็สามารถที่จะได้อิทธิพลทางทหารกลับมาในพื้นที่แถบนี้ทั้งหมดได้

4. และการไปเชิญธงชาติกัมพูชาขึ้นบนภูมะเขือได้ ก็จะเป็นการกู้หน้าให้กับกองทัพกัมพูชาได้พอสมควรทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาฝ่ายไทยมีเวลาดัดแปลงและเสริมความแข็งแรงที่มั่นในการตั้งรับ ทำให้แนวรับตรงนี้ของไทยถือว่าแข็งพอสมควร ในทางกลับกันการที่ไทยควบคุมภูมะเขือได้ เท่ากับได้จุดตรวจการณ์ที่มองลึกเข้าไปในกัมพูชาได้เป็นสิบกิโลเมตร ซึ่งทำให้ไทยสามารถปรับการยิงปืนใหญ่ได้แม่นยำขึ้น จึงถือว่าเป็นงานที่ยากมากของกัมพูชาถ้าคิดจะตีภูมะเขือจริง ๆ และเมื่อเทียบกับของที่กัมพูชาเหลืออยู่ คิดว่าไม่น่าเพียงพอที่กัมพูชาจะตีภูมะเขือได้ทันก่อนที่การหยุดยิงที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้จะมีผลครับ“
กำลังโหลดความคิดเห็น