คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) สร้างชื่อเสียงบนเวทีระดับประเทศ คว้ารางวัล รองชนะเลิศอันดับ 1 และ รางวัล Popular Vote จากการประกวดการออกแบบเครื่องแต่งกายผ้าไทยร่วมสมัยและเครื่องประดับการแต่งกายระดับชาติ ภายใต้หัวข้อ “อัตลักษณ์ไทยดีไซน์ใหม่” ในงาน Thailand Talent Summit 2025 การประชุมบุคลากรไทยที่มีความสามารถระดับสูง ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติพีช (PEACH) โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา จังหวัดชลบุรี
ในการประชุมครั้งนี้ มีนักวิจัย คณาจารย์ ตลอดจนนักศึกษาระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาจากทั่วประเทศร่วมส่งผลงานเข้าประกวด โดยผลงานของ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ได้รับรางวัล เป็นงานวิจัยของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กมลศิริ วงศ์หมึก และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กมลวรรณ พัชรพรพิพัฒน์ สารสุข ทีมนักวิจัยจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาสุขภาวะชุมชนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่นไลฟ์สไตล์จากผ้าย้อมสีธรรมชาติ โดยใช้อัตลักษณ์ชุมชนทอผ้าร้อยรักษ์ อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในกลุ่มงานวิจัยพื้นฐาน (Fundamental Fund: FF) ประจำปีงบประมาณ 2567
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กมลศิริ วงศ์หมึก คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะทีมนักวิจัย เปิดเผยว่า การประกวด Thailand Talent Summit 2025 จัดขึ้นในปีนี้ ได้เปิดพื้นที่ให้ผลงานวิจัยเพื่อสังคมด้านศิลปกรรมและการออกแบบเข้ามามีบทบาทควบคู่กับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ภายใต้แนวคิดการบูรณาการองค์ความรู้จากหลากหลายศาสตร์ เพื่อสะท้อนศักยภาพงานสร้างสรรค์ของไทยในระดับประเทศ โดยผลงานจาก มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ภายใต้การสนับสนุนจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิจัยและพัฒนา ได้สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย 1 ใน 10 ผลงานจากทั่วประเทศ ในหมวดผ้าไทยและเครื่องประกอบการแต่งกาย และได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะทางในวงการอุตสาหกรรมแฟชั่น
ในปีนี้คณะฯ ได้พัฒนาผลงานสร้างสรรค์เพิ่มเติมเป็นกระเป๋าดีไซน์ใหม่จำนวน 2 ใบ ซึ่งยังไม่เคยนำไปจัดแสดงในงานไหนมาก่อน โดยถ่ายทอดเสน่ห์ของผ้าไทยผ่านการออกแบบเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ภายใต้แรงบันดาลใจจาก “รวงข้าวสีทอง” ผสมผสานลวดลายผ้าทอที่ต่อยอดจากภูมิปัญญาชุมชน ควบคู่กับการใช้ผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติจากชุมชนร้อยรักษ์ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ทีมนักวิจัยออกแบบลวดลายและกลุ่มสีอัตลักษณ์นำมาตัดต่อผ้าอย่างประณีต และนำวัสดุอุตสาหกรรม เช่น สายหนัง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ความทันสมัย และเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันยังคงรักษาเอกลักษณ์และความอ่อนช้อยของงานหัตถกรรมไทยไว้อย่างครบถ้วน ส่งผลให้งานมีความอบอุ่น ละเอียดอ่อน และสะท้อนเรื่องราวของชุมชนอย่างมีชีวิตชีวา เสมือนการถ่ายทอดมรดกวัฒนธรรมไทยในบริบทร่วมสมัย
“ทั้งนี้เกณฑ์การตัดสินในประเภทเครื่องประกอบการแต่งกาย คณะกรรมการซึ่งเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังประเทศไทย ให้ความสำคัญกับ 5 ด้านหลัก ได้แก่ ความแปลกใหม่และนวัตกรรมของผลงาน การออกแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทยในมุมมองร่วมสมัย การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและวัสดุอย่างสร้างสรรค์ ความสวยงามและความกลมกลืนขององค์ประกอบ ลวดลาย และสีสัน รวมถึงศักยภาพในการนำเสนอผลงานให้สอดคล้องกับกระแสการบริโภคในระดับนานาชาติ โดยแต่ละด้านมีน้ำหนักการประเมินเท่าเทียมกัน ส่งผลให้ผลงานของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้รับ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระดับประเทศ จากคณะกรรมการ พร้อมคว้า รางวัล Popular Vote จากการโหวตของผู้เข้าร่วมงาน กว่า 2,000 คน” คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ กล่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กมลศิริ อธิบายต่อว่า กระเป๋าผ้าลายอัตลักษณ์ที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างของ งานวิจัยเชิงการออกแบบประยุกต์ที่สะท้อนการใช้ศิลปะและการออกแบบเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน Soft Power ไทย ผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และการยกระดับงานหัตถกรรมชุมชนให้สามารถก้าวสู่ตลาดแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในระดับนานาชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ความสำเร็จของผลงานดังกล่าวยังเป็นงานวิจัยด้านการออกแบบสร้างสรรค์ ซึ่งนับเป็นผลงานวิชาการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การวิจัยของมหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกระบวนการพัฒนาลายผ้าและการขึ้นทะเบียนจดลิขสิทธิ์กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา รับรองเป็นลายผ้าลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์อย่างเป็นทางการ ที่ช่วยยกระดับมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของชุมชน และเปิดโอกาสในการต่อยอดองค์ความรู้สู่การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์กมลวรรณ พัชรพรพิพัฒน์ สารสุข ทีมนักวิจัยจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพิ่มเติมว่า โครงการวิจัยนี้ไม่ได้มุ่งเพียงการพัฒนากลุ่มสีอัตลักษณ์ ลวดลายทอและสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงสังคม โดยเฉพาะต่อชุมชนผู้ทอผ้าในพื้นที่ที่ร่วมผลิตผลงานวิจัย ทีมวิจัยได้ทำงานร่วมกับกลุ่มช่างทออย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การคัดสรรลวดลาย เทคนิคการทอ ไปจนถึงการพัฒนาวัสดุให้เหมาะกับการนำไปต่อยอดเชิงออกแบบ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชุมชนมีช่องทางรายได้ที่มากขึ้น ขณะเดียวกันความต้องการของตลาดที่มีเป็นจำนวนมากจากกลุ่มผู้เข้าร่วมชมการนำเสนอ ผลงานวิจัยในบูธมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ปรากฏในงานจัดแสดงก็เป็นสัญญาณสำคัญว่า ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้จริง เมื่อได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบภายใต้กระบวนการวิจัยและออกแบบ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์กมลวรรณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือระหว่างสถาบันวิชาการและชุมชนท้องถิ่นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นและเสริมความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาวอีกด้วย


