xs
xsm
sm
md
lg

เตือนภัยใช้รถแอปฯ คนขับซื้อไอดีสวมสิทธิ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจกลุ่มซื้อ-ขายไอดีคนขับรถแอปโผล่เพียบ ผู้บริโภคหวั่นใจความปลอดภัย-วอนหน่วยงานรับผิดชอบเคลื่อนไหว

ข้อมูลจากผลสำรวจที่จัดทำร่วมกันระหว่างโบลท์ (Bolt) และแคนตาร์ (Kantar Insight Thailand) ในปีนี้ ส่งสัญญาณถึงผลตอบรับของพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย ที่ให้การยอมรับต่ออาชีพขับรถผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดย 99% ของผู้ขับขี่มองว่าจุดเด่นของงานแพลตฟอร์มคือ “ความยืดหยุ่น” และมีเสียงสะท้อนว่างานแพลตฟอร์มช่วยให้ครอบครัวมีความมั่นคงมากขึ้นถึง 93% ปัจจุบันผู้ที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มแอปเรียกรถ (Ride Hailing) มองว่าสิ่งนี้เป็นมากกว่าอาชีพ เพราะเป็น “เครื่องมือสร้างอิสรภาพทางการเงิน” ที่ช่วยให้ผู้คนจัดการเวลาและชีวิตได้ตามต้องการ

ผลสำรวจดังกล่าว ระบุว่าผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ทำงานเฉลี่ย 21–30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยประมาณ 29% มีรายได้ระหว่าง 20,000–40,000 บาทต่อเดือน สูงกว่าค่าแรงเฉลี่ยประเทศกว่า 1.5 เท่า

อย่างไรก็ตาม ภาพอนาคตอันสดใสของแพลตฟอร์มแอปเรียกรถ ซี่งปัจจุบันมีจำนวนรถในระบบที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้องแล้วกว่า 150,000 คัน จากจำนวนรถที่ให้บริการอยู่ในทุกแพลตฟอร์มซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 500,000 คัน ในอีกทางหนึ่ง กำลังกลายเป็นแรงดึงดูดใจให้เกิดการ “สวมสิทธิ์” หรือสวมรอย ด้วยการซื้อขายรหัสคนขับ (ไอดี) ที่มีการลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มไว้แล้ว จากคนที่อยากหา “ทางลัด” เข้ามาทำมาหากินกับอาชีพนี้ และที่น่าเป็นห่วงก็คือ ความเสี่ยงที่ว่าหลายคนที่ต้องการซื้อไอดีคนขับเพื่อสวมสิทธิ์ อาจเป็นคนที่มีประวัติอาชญากร หรือต้องการเลี่ยงการตรวจสอบตัวตนจากแพลตฟอร์ม จึงเลือกใช้วิธีจ่ายเงินซื้อ แทนที่จะยื่นเอกสารสมัครโดยตรงผ่านผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม

สำหรับรายชื่อกลุ่มสาธารณะเปิดชื้อขาย-ซื้อ-เช่ารหัสคนขับ ได้แก่ กลุ่มซื้อขายรหัส Bolt ผ่านกลางแอดมินกลุ่ม จำนวนสมาชิก 7,900 คน กลุ่มซื้อ-ขาย-เช่า (รหัส Bolt) สมาชิก 7,700 คน กลุ่มซื้อขายเช่าไอดี Bolt สมาชิก 277 คน โดยกลุ่มนี้จัดตั้งมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ขณะที่กลุ่มอื่นไม่พบข้อมูล

กลุ่มเปิดซื้อขายไอดีคนขับคึกคัก-แพลตฟอร์มเงียบ

ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนเข้ามาระยะหนึ่งแล้วว่า พบการโพสต์ซื้อ-ขาย-เช่าไอดีคนขับแอปดังเจ้าหนึ่ง ที่น่าตกใจก็คือ ชื่อกลุ่มของเพจสาธารณะเหล่านั้น ระบุชื่อแอปไว้อย่างชัดเจน บางกลุ่มมีสมาชิกติดตามอยู่ถึงเกือบหมื่นคน มีความเคลื่อนไหวของโพสต์ใหม่ๆ รวมถึงการพูดจาโต้ตอบ และแสดงหลักฐานการซื้อขายไอดีอย่างต่อเนื่อง บางกลุ่มเมื่อเข้าไปดูข้อมูลก็พบว่าเปิดมานานเป็นปีแล้ว ซึ่งน่าตกใจว่า ทำไมผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถรายดังกล่าว จึงไม่รับรู้ถึงพฤติกรรมเหล่านี้ หรือมีความเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อแจ้งเตือนต่อสาธารณะ หรือใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับกลุ่มเหล่านั้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่าหลายโพสต์มีการแสดงโฆษณาการซื้อ ขาย และเช่าไอดีคนขับอย่างชัดเจน บางโพสต์ระบุชื่อผู้โพสต์ ชื่อแอดมินกลุ่ม ตัวอย่างข้อความ เช่น

รับเปิดไอดี Bolt สำหรับคนที่
ไม่เคยสมัครมาก่อน
หรือสมัครแล้วไม่ผ่าน / โดนแบนแก้ไม่ได้
ใช้ได้ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
ไม่ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ (มีใบขับขี่ปกติไม่หมดอายุก็พอ)
รถมี พ.ร.บ. + ภาษี ขาดต่อก็ทำได้
รับประกัน เปิดใช้งานได้จริงแน่นอน ไม่ผ่านคืนเงินเต็มจำนวน
สนใจคอมเมนต์ไว้ หรือทักแชทได้เลยครับ /ปล่อย​เช่า​ รหัส​โบ​ล์ต
รายวัน​ -​ ราย​อาทิตย์
#สนใจทักแชทมาได้เลยครับ

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการโพสต์ข้อความหาเช่าไอดี สำหรับการขับรถแอป ในพื้นที่ชลบุรี และพัทยา จำนวนมาก ซึ่งเมื่อย้อนไปสืบค้นข่าวที่ผู้โดยสารตกเป็นเหยื่อจากคนขับที่เรียกผ่านแอป ทั้งเหยือ การล่วงละเมิดทางเพศ หรือการถูกฉ้อโกงค่าโดยสาร โดยเฉพาะกับผู้โดยสารชาวต่างประเทศ พื้นที่นี้จะเป็นลำดับต้นๆ ที่มีคดี

ซื้อไอดีจ่ายเพิ่มค่าสแกนหน้า “สู้กลับ” ระบบเซลฟี่ของแอป

เมื่อปลายปี 2567 โบลท์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวระบบสแกนใบหน้า การยืนยันตัวตนผู้โดยสารใหม่ของโบลท์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเซลฟี่เพื่อความปลอดภัย ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยผู้ขับขี่โบลท์ เรียกร้องมากที่สุด เพื่อให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย เพิ่มความไว้วางใจระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ให้ทุกคนได้อุ่นใจอีกระดับ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในกลุ่มเปิดซื้อ-ขาย-เช่าไอดีคนขับ ก็มีผู้ซื้อที่ใจป้ำประกาศซื้อไอดีและมีค่าน้ำใจสแกนหน้าให้ เพราะระบบจะให้ผู้ใช้ใหม่ (คนซื้อ) สแกนหน้าตัวเองเพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นคนเดียวกับที่สมัครบัญชีจริง ๆ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการแอบอ้าง

การสวมสิทธิ์คนขับ : ปัญหาหลักที่ผู้บริโภคกังวล

ประเด็นเรื่อง "การสวมสิทธิ์คนขับ" หรือ "การใช้บัญชีขับรถแทนกัน" เป็นหนึ่งในความกังวลด้านความปลอดภัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นประเด็นที่กฎหมายและแพลตฟอร์มพยายามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง การสวมสิทธิ์ หมายถึง การที่คนขับที่มารับผู้โดยสาร ไม่ใช่บุคคลเดียวกับชื่อและรูปถ่ายที่ปรากฏในแอปพลิเคชัน ถือเป็นการละเมิดกฎของแพลตฟอร์มอย่างร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยโดยตรง
โดยล่าสุด “ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการดำเนินการอื่นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภทบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะที่มีลักษณะเฉพาะตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2568” กำหนดว่า คนขับรถผ่านแอปพลิเคชัน รถต้องจดทะเบียนเป็นรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ รย.18 ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ และต้องพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ก่อนเริ่มงานทุกวัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568
สำหรับความกังวลและความเสี่ยงของผู้บริโภค ที่อาจต้องเผชิญจากคนขับรถที่สวมสิทธิ์เข้ามาให้บริการ ได้แก่

• ความไม่ปลอดภัยส่วนบุคคล ซึ่งเป็นความเสี่ยงร้ายแรงที่สุด เนื่องจากข้อมูลคนขับที่แสดงในแอป ไม่ตรงกับตัวจริง ทำให้ผู้โดยสารขาดข้อมูลอ้างอิงและยากต่อการติดตามหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
• การขาดการตรวจสอบประวัติ หากเป็นผู้ที่สวมสิทธิ์เข้ามาขับรถแทน อาจเป็นบุคคลที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญสำหรับคนขับรถสาธารณะที่ถูกกฎหมาย
• การขาดการรับรอง คนขับที่สวมสิทธิ์อาจไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ หรือรถที่นำมาใช้ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (รย.18) ทำให้ผู้โดยสารขาดความคุ้มครองทางกฎหมายและประกันภัยที่เหมาะสมหากเกิดอุบัติเหตุ
กำลังโหลดความคิดเห็น