เครือข่ายไร้สายส่วนตัว (Private Wireless Networks) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพการดำเนินงานในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย การนำเทคโนโลยีนี้ มาประยุกต์ใช้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตที่มีเสถียรภาพและเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
ภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของไทยกำลังเผชิญแรงกดดันในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนจากการลงทุน ข้อมูลจาก รายงานประจำปีของกระทรวงพลังงาน ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยผลิตปิโตรเลียมได้เพียงร้อยละ 13 ของความต้องการใช้ในประเทศ และยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในปริมาณมาก ดังนั้น การยกระดับศักยภาพการผลิตในประเทศ จึงไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายทางธุรกิจ แต่คือกุญแจสำคัญสู่ "ความมั่นคงทางพลังงานของชาติ"
เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน อุตสาหกรรมจำเป็นต้องเปิดรับเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างเสถียรภาพในการผลิต ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในขณะนี้คือ นวัตกรรมดิจิทัล—การผสานพลังของข้อมูล การเชื่อมต่อ และระบบอัตโนมัติ—เพื่อสร้างความแม่นยำและประสิทธิภาพใหม่ให้กับอุตสาหกรรมดั้งเดิม และ เครือข่ายไร้สายส่วนตัว (Private 4G/5G) ก็กำลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้
เทคโนโลยีนี้ช่วยเชื่อมโยงบุคลากร เครื่องจักร และระบบต่างๆ เข้าด้วยกันแบบเรียลไทม์ แม้ในพื้นที่ห่างไกลหรือสภาพแวดล้อมที่อันตราย โดยผลลัพธ์ที่ได้คืออุบัติเหตุที่ลดลง ต้นทุนที่ต่ำลง และการตัดสินใจที่รวดเร็วแม่นยำยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูลจริง
การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปลดล็อกศักยภาพของเครื่องมือดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์ IoT, การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI หรือระบบบำรุงรักษาอัตโนมัติ ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ของสินทรัพย์ ลดการปล่อยมลพิษ และสร้างความยืดหยุ่นทางพลังงานให้แก่ประเทศในระยะยาว
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล : เปลี่ยนข้อมูลสู่การตัดสินใจที่แม่นยำ
ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยนสู่ความทันสมัยด้วย Industrial IoT, AI และ Edge Computing เพื่อเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์สามารถแจ้งเตือนการสึกหรอของคอมเพรสเซอร์ ได้ล่วงหน้าหลายสัปดาห์ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย โดรนและเซ็นเซอร์สามารถตรวจจับการรั่วไหลได้ในทันที และการบำรุงรักษาที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถลดระยะเวลาการหยุดชะงักของงาน (Downtime) ลงได้อย่างมหาศาล
เครื่องมือเหล่านี้ต้องการการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพสูงและรองรับข้อมูลมหาศาล ซึ่งเครือข่ายดั้งเดิมอย่าง Wi-Fi หรือวิทยุสื่อสาร (TETRA/P25) อาจไม่ครอบคลุมหรือปลอดภัยเพียงพอสำหรับภารกิจระดับวิกฤต (Mission-Critical) ผู้ประกอบการจำนวนมากจึงหันมาเลือกใช้ Private 4G/5G ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและการควบคุมระบบโดยเฉพาะ
งานวิจัยอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่า การติดตั้งใช้งาน 4G/5G ส่วนตัวเกือบทุกครั้งในภาคพลังงานและการผลิตให้ผลตอบแทน จากการลงทุน (ROI) ที่เป็นบวก แต่ผลสำรวจยังคงพบว่า สถานที่ปฏิบัติงานบนบกมากถึงร้อยละ 40 ยังคงอาศัยการเชื่อมต่อที่ล้าสมัย ช่องว่างนี้เป็นโอกาสในการใช้เครือข่ายที่ดียิ่งขึ้นเพื่อใช้งานระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร การผสานรวมการวิเคราะห์ตลอดทั้งห่วงโซ่ อุปทานทั้งหมด และปรับปรุงความปลอดภัยไปพร้อมกัน
จากระบบเดิมสู่การเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไปสำหรับบริษัทพลังงาน แต่เป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ ผู้ประกอบการกำลังเปลี่ยนจาก เครือข่ายเดิมไปสู่การติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการดำเนินงาน และยกระดับทั้งความปลอดภัยและ ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในทุกส่วนของห่วงโซ่คุณค่า
Private 5G มีบทบาทสำคัญโดยการรวมความเร็วสูง ความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ (Ultra-low Latency) และความปลอดภัย ที่แข็งแกร่งภายใต้การควบคุมของผู้ประกอบการ ตัวอย่างเช่น การเป็นพันธมิตรกับ Kyndryl ทำให้ Chevron Phillips Chemical สามารถติดตั้งเครือข่ายไร้สายส่วนตัวในโรงงานอุตสาหกรรม 8 แห่งในสหรัฐอเมริกา เพื่อเชื่อมต่อพนักงานหลายพันคน และแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อภารกิจ เครือข่ายนี้รองรับความต้องการแบนด์วิธสูง เช่น การทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ผ่านวิดีโอ และเปิดใช้งานการผสานรวม OT (Operational Technology) สำหรับการตรวจสอบเครื่องจักรโดยใช้ IoT และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ซึ่งช่วยเพิ่มระบบอัตโนมัติในระดับถัดไปและเพิ่มความปลอดภัยของพนักงาน
การเชื่อมต่อนี้ทำงานด้วยตัวเองภายในระบบ โดยเป็นแกนหลักที่จำเป็นสำหรับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมสมัยใหม่
การบูรณาการกระบวนการปฏิบัติงาน
การดำเนินงานด้านน้ำมันและก๊าซในอดีตมักถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ เช่น การสำรวจ การขุดเจาะ การกลั่น และการขนส่ง ซึ่งแต่ละส่วนมีระบบของตนเอง เราสูญเสียมูลค่ามหาศาลไปในช่องว่างเหล่านั้น เมื่อเครือข่ายรวมระบบการดำเนินงานและ ระบบไอทีเข้าด้วยกัน ข้อมูลจะไหลเวียนได้อย่างอิสระ และทุกคนก็จะตัดสินใจได้ดีขึ้น
นี่คือสิ่งที่กรอบการทำงาน "การดำเนินงานที่เชื่อมต่อ" (Connected-Operation) สมัยใหม่มุ่งหวังที่จะบรรลุผลสำเร็จ พวกเขาจะรวบรวมระบบควบคุม การวิเคราะห์ และอุปกรณ์ภาคสนามเข้าด้วยกันบนโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียว การรวมเทคโนโลยีการดำเนินงานเข้ากับไอทีผ่านเครือข่ายที่มีความปลอดภัยและมีความหน่วงต่ำ จะช่วยปรับปรุงระยะเวลาทำงาน การบำรุงรักษา และความปลอดภัยของพนักงาน
ในทางปฏิบัติ หมายความว่าห้องควบคุมสามารถติดตามหลุมขุดเจาะที่อยู่ห่างไกลแบบเรียลไทม์ ทีมโลจิสติกส์สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทาง ตามข้อมูลสด และทีมสิ่งแวดล้อมสามารถตรวจสอบการปล่อยมลพิษได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อข้อมูลเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น ทุกอย่างก็จะเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นด้วย
ความยั่งยืนที่เห็นได้จริงและวัดผลได้
แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยเรียกร้องให้มีการผลิตที่สะอาดขึ้นและอนาคตที่ลดการปล่อยคาร์บอน การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล สนับสนุนเป้าหมายนั้นโดยการทำให้ความยั่งยืนสามารถวัดผลได้
เซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศ การสั่นสะเทือน และเสียงรบกวน การวิเคราะห์ที่ Edge สามารถปรับแต่ง การใช้พลังงานและระบบ AI สามารถกำหนดเวลาการบำรุงรักษาเพื่อลดการปล่อยมลพิษ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ฟังดูเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกันแล้วมันก็สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้โรงกลั่นและโรงแยกก๊าซสามารถพิสูจน์การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ลดของเสีย และลดความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกได้ ในขณะที่ยังคงรักษาผลผลิตไว้
บริษัทน้ำมันและก๊าซที่ใช้การติดตามตรวจสอบด้วยระบบดิจิทัลทั่วโลกสามารถลดต้นทุนการบำรุงรักษาได้ถึงร้อยละ 25 และปรับปรุงมาตรวัดความปลอดภัยได้เป็นตัวเลขสองหลัก ด้วยการดำเนินงานที่หลากหลายทั้งบนบกและในทะเลของประเทศไทย ประโยชน์เดียวกันนี้ก็สามารถเข้าถึงได้เช่นกัน
ในขณะที่ประเทศไทยยังคงรักษาข้อตกลงในการจัดหาก๊าซ LNG และน้ำมันดิบในระยะยาว ความยืดหยุ่นที่แท้จริงจะมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพสิ่งที่เรามีอยู่แล้วให้สูงสุด การเสริมสร้างการดำเนินงานในประเทศผ่านการเชื่อมต่อ ข้อมูล และระบบอัตโนมัติ เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการดำเนินการดังกล่าว
เครือข่าย 4G และ 5G ส่วนตัวเปิดใช้งานการเชื่อมต่อทุกสินทรัพย์และทุกคนได้อย่างปลอดภัย แม้ในสถานที่ที่ห่างไกลที่สุด บริษัททั่วโลกกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยลดความเสี่ยงและคาร์บอน ในขณะที่เพิ่มผลผลิตได้อย่างไร ประเทศไทยก็ สามารถทำได้เช่นกัน—และเป็นผู้นำในภูมิภาคในกระบวนการนี้
บทความ โดย โนเกีย


