กองทัพภาคที่ 2 ออกโรงชี้แจงกรณีคลิปวิดีโอทหารกัมพูชานำลวดหนามหีบเพลงออกจากพื้นที่ชายแดน บริเวณ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และทหารกัมพูชาได้ขโมยลวดหนามที่ทหารไทยเตรียมไว้วางแนวรั้วไป คาด อาจเป็นกลลวงเพื่อล่อให้ทหารไทยติดตามเข้าไปในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการซุกซ่อนกับระเบิด
วันนี้ (24 พ.ย.) เพจ "กองทัพภาคที่ 2" ออกชี้แจงกรณีปรากฏคลิปวิดีโอทหารกัมพูชาขนลวดหนามหีบเพลงออกจากพื้นที่ชายแดน เผย ทหารเขมรขโมยลวดหนามออกจากพื้นที่ชายแดน บริเวณช่องระยี–ช่องเปรอ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ คาดอาจล่อทหารไทยเหยียบกับระเบิด โดยทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ระบุข้อคามว่า
"กองทัพภาคที่ 2 ขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่กัมพูชานำลวดหนามหีบเพลงออกจากพื้นที่ชายแดน พร้อมมีการกล่าวอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของทหารไทย จากการตรวจสอบของหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในพื้นที่รอยต่อระหว่าง ช่องระยี–ช่องเปรอ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
.
โดยเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 09.00 น. ขณะกองร้อยทหารพรานที่ 2101 ปฏิบัติภารกิจวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อควบคุมพื้นที่และป้องกันการรุกล้ำจากฝ่ายกัมพูชา เจ้าหน้าที่ชุดที่กำลังปฏิบัติงานได้รับรายงานจากชุดระวังป้องกันว่า มีกำลังทหารกัมพูชาประมาณ 20 นายเคลื่อนที่เข้ามาใกล้จุดปฏิบัติงาน จึงมีการหยุดภารกิจชั่วคราวและจัดกำลัง
ที่ออกปฏิบัติงานเข้าไปเจรจา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดวางลวดหนามประมาณ 200 เมตร เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ
.
จากการพูดคุยนานประมาณ 20 นาที เจ้าหน้าที่กัมพูชาถอนกำลังกลับไปยังพื้นที่ของตนเอง แต่เมื่อหัวหน้าชุดทหารพรานได้นำกำลังที่เข้าไปเจรจากลับมายังจุดเดิม พบว่าลวดหนามหีบเพลงที่เตรียมไว้สำหรับวางแนวควบคุมได้หายไป หลังจากตรวจพบว่าลวดหนามสูญหาย หน่วยได้ควบคุมพื้นที่วางกำลังป้องกันโดยรอบ และได้มีการตรวจสอบวัตถุระเบิดในพื้นที่
อย่างละเอียด
.
ปัจจุบันหน่วยวางกำลังควบคุมพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้วและได้นำลวดหนามใหม่เข้าไปติดตั้งและพร้อมปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จากการประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการซุกซ่อนวัตถุอันตราย เช่น กับระเบิดและทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (PMN-2) เป็นต้น และอาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมของทหารกัมพูชาที่หลอกล่อให้ทหารเราติดตามเข้าไปในพื้นที่สังหาร
.
ทั้งนี้ ทุกการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจ
บนพื้นฐานของข้อมูลจริงในพื้นที่ และให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชาในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
.
กองทัพภาคที่ 2 เน้นย้ำว่าเป็นการรายงานเหตุการณ์จริงและทุกการตัดสินใจเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติงานรวมทั้งมองเห็นความสำคัญของการปกป้องอธิปไตยและการป้องกันตัวในความอยู่รอดของสนามรบเป็นสำคัญ"


