xs
xsm
sm
md
lg

2 เดือน 3 วัน พลิกราคาข้าว! "นักเขียน" ซัดรัฐบาลเก่าแค่ 'เสนอขาย' ปิดจ็อบไม่ได้ ชี้ ศุภจี เดินสายเซลส์แมนดันหอมมะลิแตะ 16,500 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายปฏิพล อภิญญาณกุล นักเขียนชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเปรียบเทียบผลงานการบริหารจัดการด้านราคาข้าวของรัฐบาลชุดปัจจุบันกับรัฐบาลชุดก่อนหน้าอย่างดุเดือด หลังจากการเดินหน้าเจรจาขายข้าวของ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิพุ่งสูงถึง 16,500 บาทต่อตัน

จากกรณี นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าเจรจาขายข้าวให้กับหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ปริมาณ 5 แสนตัน สิงคโปร์​ 100,000​ ตัน และเตรียมรุกขายซาอุฯ ต่อทันที ส่งผลให้ข้าวหอมมะลิแตะ 16,500 บาท ตรงข้ามกับรัฐบาลยุคก่อนที่แนะนำให้คนไทยบริโภคข้าวเพิ่มขึ้นแทนที่จะหาตลาดใหม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นายปฏิพล อภิญญาณกุล นักเขียนชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเปรียบเทียบผลงานการบริหารจัดการด้านราคาข้าวของรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ กับรัฐบาลชุดก่อนหน้า พร้อมทั้งโต้แย้งความเห็นที่ว่าความสำเร็จเป็นผลงานจากรัฐบาลเดิม โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

"หลายวันก่อน ตอนเขียนเรื่อง รมว.ศุภจี ไปขายข้าวที่สิงคโปร์ จะมีพลพรรคเพื่อไทยหรือเพื่อส้ม ก็ไม่รู้ ออกมาหัวเราะต่อว่า ว่า ศุภจีจะเก่งอะไรกัน รัฐบาลก่อนเจรจาเอาไว้แล้วต่างหาก

"ติ่งขี้อิจฉา" เหล่านั้นไม่เคยขายของ

คนที่นำเอาสินค้าเพื่อไปเสนอสินค้าตามที่ต่างๆ แต่ใช่ว่าลูกค้าจะตอบรับทุกคน ลูกค้ายิ้มให้ ไม่ใช่หมายถึงลูกค้าตอบรับ ลูกค้ารับโบรชัวร์หรือเอกสารเงื่อนไขไว้ ก็ไม่ใช่ว่าลูกค้าตอบรับ เหตุผลที่ลูกค้าไม่ตอบรับมีมากมาย หลักๆ คือ ไม่ชอบขี้หน้าเซลส์ขายของคนนั้น

เมื่อเซลส์คนเก่าแค่เสนอขาย แต่ยังปิดจ็อบไม่ได้ เซลส์คนต่อมาปิดดีลได้ ควรต้องนับเป็นความสามารถของเซลส์คนใหม่ จะไปตีขลุมว่าคนก่อนมาเสนอขายไว้ ต้องเป็นผลงานของคนเก่า มันก็ไม่ถูก ต้องดูบริบทอื่นๆ ประกอบ

ถ้าผู้ซื้อไม่ชอบขี้หน้าเอ็ง เขาก็ดึงเรื่องไว้ก่อน พอมีคนใหม่ที่คุยแล้วมีความรู้สึกดีต่อกัน จึงค่อยเซ็นสัญญาตกลง เดี๋ยวจะเปรียบเทียบชี้ให้เห็นรายรับจากการขายในตอนท้าย .. ว่าใครที่ขายเป็น เพื่อให้ประจักษ์

ตอนนี้มาดูผลงานของ รมว.ศุภจี กันก่อน รายงานข่าวบอกว่า ข้าวเปลือกหอมมะลิ พุ่งขึ้นถึง 16,500 บาท (จากราคาข้าวที่ตกต่ำมานานมาก) ที่จริงก่อนไปสิงคโปร์ ราคาข้าวเปลือกยังต่ำมาก .. พอปิดดีล 100,000 ตันของสิงคโปร์ ราคาข้าวก็ยังไม่ขยับนัก ต่อเมื่อในหลวงไทยเสด็จฯ ไปเยือนจีน จีนประกาศซื้อข้าวไทย 500,000 ตัน ในตอนนั้นราคาข้าวเปลือกไทยขยับสูงขึ้นมาเป็น 13,000 บาทต่อตัน

ขณะที่นายกฯ อนุทินไปจีนในฐานะรัฐมนตรีเกียรติยศ ด้านคุณศุภจีก็เดินสายเป็น "เซลส์แมน" พบทูตอินเดีย เพื่อร่วมกันเป็นหุ้นส่วนทางการค้า, หารือกับทูตรัสเซีย ขายสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูป, บินไปสหรัฐฯ ทะลุใจกลางประเทศที่ชอบขึ้นภาษีทั่วโลก เพื่อนำเสนออาหารไทย และในต้นเดือนธันวาคม วางแผนจะไปซาอุดีอาระเบีย เพื่อขายข้าว, ตามด้วยแอฟริกา

ทั้งหมด จึงส่งผลทำให้ราคาข้าวเปลือกพุ่งสูงขึ้นถึง 16,500 บาทต่อตัน ณ ราคาในปัจจุบัน รัฐบาลเสียงข้างน้อย ในภาวะจำยอมด้วยข้อจำกัดเวลา .ทำงานมาตั้งแต่ 19 ก.ย. จนวันนี้ ก็ประมาณ 2 เดือนกับอีก 3 วัน

2 เดือน 3 วัน .. ทำให้ราคาข้าวที่เคยตกต่ำติดต่อกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ฟื้นตัวขึ้น ..
เอาล่ะ ที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้น ที่มีพวกติ่งบางพรรคบอกว่าเป็นผลงานของรัฐบาลที่แล้ว ใช่หรือ จริงหรือ .. อย่างไร?

จะเทียบเคียงกับรัฐบาลที่แล้วของแพทองธาร ให้ดูกัน รัฐบาลแพทองธาร สืบต่อจากรัฐบาลเศรษฐา ก็พรรคเดียวกัน รัฐมนตรีเดียวกันนั่นแหละ 

แพทองธารเข้ามาเมื่อ 16 สิงหาคม 2567 ราคาข้าวเปลือกในวันที่ 30 เดือนสิงหาคม 67 อยู่ที่ 11,000-14,000 บาทต่อตัน รัฐบาลแพทองธารทำงานจากสิงหาคม ถึงกุมภาพันธ์ = 6 เดือน
ราคาข้าวเปลือกในวันที่ 17 ก.พ. 68 อยู่ที่ราคา 8,200-8,600 บาท ต่อตัน

จากสิงหาคม ถึงกุมภาพันธ์

ลดฮวบฮาบลงมาถึง 5,000-6,000 บาทต่อตัน

เทียบกับระยะเวลาของรัฐบาลอนุทิน เข้ามาทำงาน 19 ก.ย. 2568 ทำจนถึงวันนี้ 23 พ.ย. ระยะเวลาทำงานคือ 2 เดือน กับ 3 วัน ซึ่งเป็นฤดูกาลเดียวกันกับข้าวปีที่แล้ว ที่แพทองธารเป็นรัฐบาล ราคาข้าวเปลือกสูงเป็น 16,500 บาทต่อตัน แนวโน้มต่อไป ถ้าเทียบไปถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า เท่ากับช่วงระยะเวลาเดียวกัน รับรองไม่ตกลงมาเหลือแค่ 8,200-8,600 อย่างแน่นอน

ประเทศไทย ประชาชนพื้นฐานส่วนใหญ่คือเกษตรกรรม เรามีสินค้าเกษตรมากมาย เราคือต้นทางของอาหารโลก เราต้องการคนขายของเป็น"


กำลังโหลดความคิดเห็น