xs
xsm
sm
md
lg

เปิดลับ “พิมพ์วิไล” โคลนนิ่ง “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนันแก๊งโจ๊ก แบล็กเมล์ตำรวจทั้ง สตช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แหม่ม-พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน” ถูกปั่นว่าเป็นพยานปากเอกในคดีส่วยเว็บพนัน จากการเข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ ซึ่ง “รังสิมันต์ โรม” เป็นประธาน ภายใต้การกำกับบทของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” เมื่อ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่แท้ที่จริงแล้วเธอคือเจ้าแม่เว็บพนันที่ครองพื้นที่ภาคใต้ ในฐานะเมียของ “อู๊ด หาดใหญ่” เจ้าของเว็บพนัน และมือเก็บส่วยของ “โจ๊ก” ทั้งยังเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันเหมือนกัน เธอจึงไม่ต่างจาก “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนันพื้นที่อีสานเหนือที่เชื่อมโยงกับ “โจ๊ก”



รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึง น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ซึ่งได้เข้าไปให้ข้อมูลต่อที่ประชุมคณะกรรมธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธานเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในวาระการพิจารณาเรื่องสแกมเมอร์ โดยได้เปิดตัวอ้างว่าเป็นพยานปากสำคัญที่ปรากฏชื่อในเส้นทางเงินโยงเว็บพนัน ทั้งนักการเมืองระดับท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติ รวมไปถึงตำรวจน้อยใหญ่หลายร้อยนาย


ทั้งนี้ น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ชื่อเล่นว่า แหม่ม ปัจจุบันอายุ 31 ปี (เกิดมิถุนายน 2537) เดิมทีมีอาชีพเป็นพนักงานฝ่ายบัญชีของโรงแรมแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ก่อนที่จะคบหากับ นายณพรรษกร แหเกิด หรือ อู๊ด หาดใหญ่ คนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตั้งแต่สมัยเป็นผู้กำกับการ สภ.หาดใหญ่ มียศ พ.ต.อ.ในช่วงปี 2555 โดยสุรเชษฐ์เป็นผู้กำกับการ สภ.หาดใหญ่อยู่หลายปี


ณพรรษกร แหเกิด หรือเสี่ยอู๊ด หาดใหญ่คนนี้นี่เองก็คือ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเว็บพนัน BNK Master และเป็นหน้าเสื่อใหญ่ของตำรวจจังหวัดสงขลา มีหน้าที่ในการเก็บส่วยต่างๆ ในพื้นที่เพื่อรวบรวมส่งให้นายตำรวจที่คุมพื้นที่อยู่

นอกจากนี้ ในการพัฒนาโรงพักเพื่อเข้าชิงรางวัลโรงพักเพื่อประชาชนดีเด่น ก็อาศัย “เสี่ยอู๊ด” เป็นคนเก็บรายงานจากผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมายในพื้นที่ เหมือนกับที่ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ออกมายอมรับเขาเป็นตำรวจสีเทา ตอนเป็น ผกก.ก็รับๆ มา แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวเองไม่รับก็คือ กินเงินตำรวจด้วยกัน แสดงให้เห็นว่าส่วยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ในยุคสมัยนั้น มีและรับเงินส่วยกันมาอย่างยาวนาน


โดยเฉพาะตั้งแต่ยุคของ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ เป็นต้นมาก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามี “เสี่ยอู๊ด” นี่แหละเป็นหน้าเสื่อให้จนเติบใหญ่

นั่นคือจุดเริ่มต้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตั้งแต่ “แหม่ม พิมพ์วิไล” ยังเอ๊าะๆ อยู่ (เพราะตอนนี้ แหม่ม พิมพ์วิไล อายุ 31 ปี ย้อนไปสิบกว่าปีที่แล้วก็ย่อมจะอายุประมาณยี่สิบ) จนกระทั่งเด็กสาวคนนี้ได้มารู้จักกับ “เสี่ยอู๊ด”


เมื่อมาเจอกับ “เสี่ยอู๊ด” หน้าเสื่อเก็บส่วยตัวใหญ่ของนายตำรวจใหญ่ทั้งจังหวัดสงขลา “แหม่ม พิมพ์วิไล” ก็เลยยกระดับจากพนักงานฝ่ายบัญชีของโรงแรม กลายเป็นฝ่ายบัญชีของแก๊งอาชญากรรมส่วย และเว็บพนันใหญ่โตระดับเบอร์ต้นๆ ของภาคใต้เลยทีเดียว โดยมีเงินหมุนเวียนนับเป็นพันๆ ล้านบาท

โดยเฉพาะเงินหมุนเวียนในคดี 391/66 ของ สน.เตาปูนที่เกี่ยวพันกับทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เชื่อมโยงไปถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับภรรยา และตำรวจหน่วยงานต่างๆ กว่า 200 นาย รวมไปถึงนักข่าว, สมาคมนักข่าว, ญาติของตำรวจใหญ่ ก็ปาเข้าไปแล้ว 400-600 ล้านบาท

แฟ้มภาพ - พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.สภ.หาดใหญ่
ในส่วนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร.นั้น คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร.ได้มีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ชี้มูลว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 200 นายมีมูลความผิดทางวินัย กรณีถูกกล่าวหาว่ามีการรับเงินหรือผลประโยชน์จากขบวนการส่วยเว็บพนันออนไลน์ เพราะฉะนั้น กระบวนการของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กับ ตำรวจ 200 นายก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นทางวินัย หรือทางอาญา

แต่ประเด็นก็คือ เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ตอนที่ “แหม่ม พิมพ์วิไล” ไปให้การในกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีการถามตอบรับลูกกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“พิมพ์วิไล” อ้างว่าหนูแค่ลูกจ้าง แค่ทำตามคำสั่ง เงินโอนให้คนโน้นคนนี้ ตำรวจนายนั้น ชุด PCT-3, PCT-4 พูดอธิบาย รับลูกกับ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” แบบฉอดๆๆๆๆ สื่อก็ถ่ายทอดสดไลฟ์ผ่านโซเชียล ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องก็ฮือฮาว่า “พยานปากเอก” มาแล้ว

ประเด็นคือ ใครที่ติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ต้นจะรู้ดีว่า “แหม่ม” พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน คนนี้สถานะจริงๆ ไม่ใช่พนักงานบัญชีของเครือข่ายส่วยและเว็บพนัน แต่เป็น “เมียเจ้าของเว็บ” หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ “เจ้าแม่เว็บพนัน” นั่นเอง!


เมื่อ “เสี่ยอู๊ด” ได้รู้จักและคบหากับ “แหม่ม พิมพ์วิไล” เป็นเมีย ก็มอบหมายให้ พิมพ์วิไลทำหน้าที่ฝ่ายบัญชี บางครั้งรับเงินสดจาก “เสี่ยอู๊ด” เข้าบัญชี แล้วก็โอนไปที่ต่างๆ จ่ายส่วยให้กับข้าราชการในพื้นที่ ทั้งเวลาต่อมาเมื่อรู้ว่ามี  “กะลาคุ้มหัวเป็นตำรวจใหญ่” ก็เลยร่วมหุ้นกับเพื่อนทำเว็บการพนันเสียเอง โดยใช้ชื่อว่า
- BNK Master
- Venus Master
- Richer King

จนในเวลาต่อมา ตำรวจชุด PCT-4 (ย่อมาจากคำว่า POLICE CYBER TASKFORCE ชุดที่ 4) ขยายผลจับกุมแอดมินเว็บพนันในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และได้หลักฐานที่พนักงานยืนยันว่านายจ้างของตนเองคือ “แหม่ม พิมพ์วิไล” กับ “เสี่ยอู๊ด หาดใหญ่” นี่เอง


เมื่อดำเนินการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT-4 ก็ไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน จนพบว่ามีการโอนเงินที่ได้จากการพนันออนไลน์ไปยังบัญชีต่างๆ มากมาย อย่างที่ทุกคนทราบว่ามีเส้นเงินหลักๆ อยู่ 4 เส้นด้วยกัน

โดยเส้นสำคัญเส้นหนึ่งที่ในที่ประชุมกรรมาธิการเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วแทบจะไม่พูดถึงเลย ก็คือบัญชีม้าของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ คนสนิทของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” และผู้เก็บข้อมูล เรื่องลึกลับ และเรื่องฉาวโฉ่ทั้งหมดของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตำรวจยึดได้นั่นเอง


ทั้งนี้ ในเส้นทางการเงินแม้จะไม่ได้มีการโอนให้ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” โดยตรง โดยโอนต่อไปยังตำรวจชั้นประทวนในทีม จากนั้นก็จะสั่งการให้
  • ถอนเงินสด ใส่ซองไปให้นาย ก็คือ “โจ๊ก สุรเชษฐ์”
  • บางส่วนก็มีโอนไปจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลพ่อของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธฯ
  • บางส่วนโอนไปจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กับ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” และภรรยา
  • บางส่วนจ่ายเป็นค่าโทรศัพท์ ค่าซ่อมรถ ค่างวดรถเบนซ์ ให้กับ “โจ๊ก สุรเชษฐ์”
  • บางส่วนจ่ายเป็นเงินเดือนประจำให้กับคนในสำนักงาน
  • จ่ายเป็นเงินเดือนให้กับน้องภรรยา ของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์”
  • บางส่วนจ่ายเงินเดือนให้กับแม่ และน้องชายของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์”
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีพยานหลักฐานยืนยันอย่างละเอียด และอยู่ในกระบวนการยุติธรรมเรียบร้อยหมดแล้ว

นอกจากนี้ ภายหลังจากที่ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” เติบโตในหน้าที่การงานขึ้นจากผู้กำกับฯ ไปเป็นรองผู้บังคับการ และผู้บังคับการ แต่ก็จะมีการวางคนของตัวเองไว้ในภาค 9 ใน จว.สงขลา โดยเฉพาะเพื่อนสนิทคือ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขทรัพย์ ที่ได้รับการผลักดันเป็น ผกก.หาดใหญ่ และรอง ผบก.ภ.จว.สงขลา ในเวลาต่อมา โดยมี “เสี่ยอู๊ด หาดใหญ่” เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินที่คอยดูแล รับรองค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยมีคนคอยจ่ายเงินให้คือ “แหม่ม พิมพ์วิไล” นี่เอง

เพราะฉะนั้น ทั้ง “โจ๊ก สุรเชษฐ์” และ “แหม่ม พิมพ์วิไล” ก็คือผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน ที่เคยให้การรับสารภาพความจริงไว้กับตำรวจทั้งหมดแล้ว โดยมีการบันทึกภาพวิดีโอ พร้อมพยานหลักฐานครบถ้วน


“แหม่ม” พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ “มินนี่” ธันยนันท์ สุจริตชินศรี เจ้าแม่เว็บพนัน อายุน้อย 100 เว็บ สาว จ.เลย ที่เป็นเมียลูกน้องคนสนิทของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” เพียงต่างกันตรงที่ “มินนี่ ธันยนันท์” นั้นเป็นเจ้าแม่เว็บพนันสายอีสานเหนือ ส่วน “แหม่ม พิมพ์วิไล” นั้นเป็นเจ้าแม่เว็บพนันสายใต้ ที่มี “บิ๊กบอส” เป็นคนเดียวกัน นั่นเอง!!!


“แหม่ม พิมพ์วิไล” พูดต่อหน้ากล้องว่า หนูมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของคนที่รู้จักแค่ “ชื่อเล่น” แต่กลับสามารถสาธยายชื่อจริง พร้อมนามสกุลยาวๆ ของตำรวจที่รับโอนจากบัญชีม้าได้แบบละเอียดยิบ ก็เห็นเลยว่าพิมพ์วิไลตั้งใจทำตัวเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ หลอกล่อให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องนี้คล้อยตาม นึกว่าเธอเป็น “พยานตัวซีเครต” ... แต่หารู้ไม่ว่า “แหม่ม พิมพ์วิไล” นั้นแท้จริงแล้ว คือตัวแม่เว็บพนัน ไม่ต่างจาก “มินนี่ ธันยนันท์” เลยแม้แต่น้อย

คนที่คอยกำกับบทพูดของ “แหม่ม พิมพ์วิไล” ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ซึ่งขอแรงพิมพ์วิไลมาร่วมด้วยช่วยกันดิ้น พูดจริงบ้าง โกหกบ้างตามแนวถนัด โดยพยายามใส่ร้ายเนียนๆ ไปที่ตำรวจอีกฝั่งอย่าง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ซึ่งบิ๊กโจ๊กแค้นนักหนา ในฐานะเป็นหัวหน้าชุดนำหมายศาลบุกค้นบ้านหลังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 จนได้หลักฐานสำคัญมากมายมาเปิดโปงวีรกรรมของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” แบบดิ้นไม่หลุด


แล้วที่น่าตลกขบขันคือ หลังจากการบุกค้น คนที่ไปแจ้งความเอาผิด “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานขัดขวางการค้นบ้านและละเลยการทำคดีเว็บพนันออนไลน์เอี่ยวเพื่อนร่วมรุ่น พร้อมจี้ให้ตรวจสอบความร่ำรวยผิดปกติ ก็คือนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ คนที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วนั่งอยู่ข้างๆ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” นั่นเอง


จะพูดว่าการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ วันพฤหัสบดีที่แล้วเป็นละครแหกตาประชาชนก็คงไม่ผิด “โจ๊ก สุรเชษฐ์-แหม่ม พิมพ์วิไล” สร้างขึ้นมาได้กลมกลืนดี เพราะว่าคนทั้งสองต่างตกเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินคดีเดียวกัน เรียกว่า เป็นพวกเดียวกันมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะโคจรมาเจอกันสดๆ ในสภาครั้งนี้

ฐานะสีเทาของพิมพ์วิไล ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันกับเจ้าแม่มินนี่คนดัง สองสาวต่างเป็นเจ้าของเว็บพนันเหมือนๆ กัน โดยมินนี่ถูกจับให้เป็นหุ่นเชิดในเว็บพนันพื้นที่อีสานและ กทม. ส่วนพิมพ์วิไลคุมเขตภาคใต้ ทั้งสองสาวส่งส่วยและส่วนแบ่งผลประกอบการผ่านบัญชีม้าไปหล่อเลี้ยงปลายทางเดียวกัน คือ “แก๊งตำรวจชั่ว” ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่ “แก๊งสุรเชษฐ์” แต่หมายถึง “แก๊งต่อศักดิ์” และตำรวจอีกเป็นร้อยๆ นายด้วยที่รับเงินจากบัญชีของ “พิมพ์วิไล”


สรุปแล้ว “แหม่ม พิมพ์วิไล” ไม่ใช่คนรับจ้างโอนเงินธรรมดา เงินเดือนสองหมื่น แต่คือ เมียของ “อู๊ด หาดใหญ่” คนทำเว็บพนัน และเก็บส่วยของแก๊งนายตำรวจใหญ่ ซึ่งเธออยู่ในตำแหน่ง และฐานะที่สามารถ “แตะเงิน-แตะบัญชีม้า-แตะระบบหมุนเวียนทุน” ที่ใช้หลบการตรวจสอบของรัฐมาเป็นปีๆ จนกล่าวได้ว่า เครือข่ายของเธอทำงานในรูปแบบ “องค์กรอาชญากรรม”

การเข้ามานั่งเป็นพยานในกรรมาธิการที่รังสิมันต์ โรมจัดให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตามคำขอ จนเป็นเวทีรายการปั่นกระแส บทพูดของเธอจึงถูกกำหนดให้พูดใส่ร้ายตำรวจ PCT-4 แบบบิดเบือนความจริง ให้สังคมเข้าใจผิดคู่กรณีของบิ๊กโจ๊ก ทั้งที่ PCT-4 ไม่เคยรับส่วยจาก “แหม่ม-อู๊ด”


มีประเด็นสำคัญที่ถูกวิจารณ์ คือ คณะกรรมาธิการชุดนี้จะทำเกินหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการนำผู้ต้องหาที่อยู่ในกระบวนการสอบสวน มาซักค้านคนจับ สมควรทำแบบนี้หรือไม่ อ้างว่าทำเพื่อให้สังคมเห็นความจริง แต่จริงๆ แล้ว กำลังก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่?

และเคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ที่ให้ผู้ต้องหามาอ้างพยานหลักฐานโชว์ในกรรมาธิการ แล้วออกไปให้สัมภาษณ์เพื่อฟอกขาวให้กับตัวเอง ส่วนฝ่ายตำรวจชุดจับกุม ไม่สามารถนำพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนมาพูดให้คนนอกฟังได้ ได้ทนดูฝ่ายผู้ต้องหานำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ มากล่าวหาปรักปรำตำรวจที่ทำคดี




กำลังโหลดความคิดเห็น