หมอออกโรงเตือน! โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ “ซิฟิลิส” กลับมาระบาดอีกระลอก พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงานตอนต้น แนะใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะทางปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก ชี้หากปล่อยไว้ไม่รักษา เชื้ออาจฝังในร่างกายจนลุกลามทำลายสมอง หัวใจ และระบบประสาทได้
วันนี้ (5 พ.ย.) เพจ “นายแพทย์สมาธิ” หรือ นพ.สมาธิ นิชานนท์ เป็นเจ้าของคลินิกเวชกรรม นายแพทย์ สมาธิ อำเภอเมือง ศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ได้โพสต์เตือนผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ซิฟิลิสระบาดนะครับ ควรใส่ถุงยางทุกครั้ง” พร้อมเผยว่าโรคซิฟิลิส (Syphilis) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum กำลังกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 18-29 ปี
แพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแผลริมแข็งขึ้นที่อวัยวะเพศหรือปาก แล้วหายไปเอง แต่เชื้อจะยังคงอยู่ในร่างกาย และอาจฟักตัวได้นานถึง 10 ปี ก่อนลุกลามเข้าสู่ระบบประสาท ทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ผู้ที่เคยมีอาการลักษณะดังกล่าวควรรีบตรวจเลือด และตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น เช่น HIV และไวรัสตับอักเสบบี-ซี ซึ่งมักพบร่วมกัน
ซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1: หลังมีเพศสัมพันธ์ 2-12 สัปดาห์ จะมีแผลขอบแข็งไม่เจ็บที่อวัยวะเพศหรือปาก แผลอาจหายไปเองแต่เชื้อยังคงอยู่
ระยะที่ 2: หลังแผลหาย 1-6 เดือน จะมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นขึ้นตามตัว โดยเฉพาะฝ่ามือฝ่าเท้า และอาจมีผมร่วงเป็นหย่อมๆ
ระยะที่ 3: ระยะแฝง ไม่มีอาการ แต่อยู่ได้นานหลายปี
ระยะที่ 4: ระยะสุดท้าย เชื้อจะทำลายสมอง ระบบประสาท และหัวใจ ทำให้ชัก ตาบอด หรือเคลื่อนไหวผิดปกติ
แพทย์ยังเตือนว่า เชื้อซิฟิลิสสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้ ทำให้เด็กพิการหรือเสียชีวิตได้ พร้อมระบุว่า การรักษาที่ได้ผลดีที่สุดคือการฉีดยา Benzathine Penicillin 2.4 ล้านยูนิต เข้ากล้าม 1 เข็ม (หรือมากกว่าตามระยะของโรค)
คำแนะนำ: ควรตรวจเลือดเป็นประจำ ใช้ถุงยางทุกครั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และหากสงสัยว่ามีอาการหรือเคยมีแผลลักษณะคล้ายซิฟิลิส ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว”



