xs
xsm
sm
md
lg

เซี่ยงไฮ้จัดใหญ่! ประชุมวัฒนธรรมขงจื่อไท่จี๋ไทย–จีน 2025 สานสัมพันธ์สองแผ่นดินผ่านวัฒนธรรมมวยไท่จี๋

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานใหญ่สมาคมกีฬาจิงอู่นครเซี่ยงไฮ้ ร่วมกับ สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งประเทศไทย และสมาคมวิจัยการพัฒนาการบูรณาวิทยายุทธการแพทย์สุขภาพแห่งจิงอู่นครเซี่ยงไฮ้ จัด”งานประชุมแลกเปลี่ยนและพัฒนาวัฒนธรรมขงจื่อไท่จี๋วิทยายุทธการแพทย์ไทยจีน ประจำปี 2025″ อย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 27–28 ตุลาคม พ.ศ.​2568 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ภายใต้แนวคิด “สมานมิตรด้วยวิทยายุทธ สนทนาว่าด้วยการสืบทอดร่วมกัน”

งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในศาสตร์ไท่จี๋และวัฒนธรรมการรักษาสุขภาพด้วยการแพทย์จีน ตลอดจนสร้างความร่วมมือระหว่างไทย–จีนด้านวัฒนธรรม สุขภาพ และการศึกษาเชิงสร้างสรรค์ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกีฬาเขตฉงหมิง และหน่วยงานด้านกีฬาชั้นนำของนครเซี่ยงไฮ้

โดยในช่วงเช้าวันที่ 27 ตุลาคม แขกผู้มีเกียรติทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมจิงอู่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งก่อตั้งโดยปรมาจารย์ ฮั่วหยวนเจี่ย วีรบุรุษผู้กอบกู้ศักดิ์ศรีของชาวจีนด้วยการใช้วิทยายุทธจีนชนะชาวต่างชาติที่มาดูถูกประชาชนจีนในยุคสมัยก่อนสร้างจีนใหม่ โดยประตูหน้าของพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อครึ่งท่อนบนของท่านฮั่วหยวนเจี่ยที่ด้านบนมีคำขวัญที่เขียนโดย ดร.ซุนยัตเซน ที่มอบให้กับสมาคมนี้ในปี พ.ศ. 2453 ว่า “จิตวิญญาณแห่งวิถีนักสู้” (尚武精神) 

ภายในพิพิธภัณฑ์มีการนำเสนอที่ทันสมัยตั้งแต่ประวัติการก่อตั้งสมาคม ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคม ผลงานการสอนของสมาคม และการนำเสนอหลักสูตรวิทยายุทธต่างๆของสมาคมด้วยภาพเคลื่อนไหว โดยมีคุณหวังจือหัว ประธานสำนักงานใหญ่สมาคมจิงอู่นครเซี่ยงไฮ้ ผู้ตรวจการระดับหนึ่งและเลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยประจำเขตหงโข่ว ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากประเทศไทยอย่างอบอุ่น โดยอาจารย์เอกรัตน์ จันทร์รัฐิติกาล ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ผู้ร่วมจัดงานได้มอบของที่ระลึกเป็นแก้วน้ำลายรดน้ำที่มีลวดลายแบบไทย เพื่อสื่อสารถึงความสัมพันธ์ไทย-จีนที่มีมาแต่โบราณกาล

จากนั้น คณะผู้แทนจากฝ่ายไทยและฝ่ายจีนเดินทางต่อไปยังศูนย์วิทยายุทธการแพทย์สุขภาพจิงอู่เกาะฉงหมิง เพื่อร่วมพิธีเปิดป้าย“คณะกรรมาธิการวิชาการว่าด้วยวัฒนธรรมขงจื่อ-ไท่จี๋ วิทยายุทธการแพทย์สุขภาพ” โดยมีคุณไต้เค่อหมิง รองประธานสำนักงานใหญ่สมาคมจิงอู่นครเซี่ยงไฮ้ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ


โดยภายในงานมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ อาจารย์หวงเหรินเหลียง ผู้สืบทอดมวยไท่จี๋ตระกูลหยางสายอู่ฮุ่ยชวน, อาจารย์เย่เส้าตง ทายาทเย่ต้ามี่, อาจารย์ฟู่ชิงเฉวียน หลานปู่และผู้สืบทอดมวยไท่จี๋ตระกูลหยางสายฟู่จงเหวิน, อาจารย์ติงเหวินจวิน รองประธานสมาคมวิทยายุทธนครเซี่ยงไฮ้ ผู้สืบทอดมวยไท่จี๋ตระกูลเฉินสายเฉินเจ้าขุย, อาจารย์ซุนอวี๋ ผู้สืบทอดมวยไท่จี๋ตระกูลซุน รวมถึงสองทายาทสายตรงจากนักปราชญ์จีน คือ ข่งหลิ่งเทา ทายาทรุ่นที่ 76 ของขงจื่อ และ เมิ่งเฟย ทายาทเมิ่งจื่อ

อาจารย์เอกรัตน์ จันทร์รัฐิติกาล ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งประเทศไทย และผู้แทนฝ่ายไทย ขึ้นปาฐกถาในหัวข้อ “หัวใจแห่งวิทยายุทธ์ประสานเป็นหนึ่ง : ความงดงามแห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย–จีน” โดยเน้นแนวคิดการหลอมรวมระหว่าง “พลังและปัญญา” ของวิทยายุทธตะวันออกกับมิตรภาพอันยั่งยืนของสองอารยธรรม โดยได้นำเสนอผลงานการนำปรัชญามวยไท่จี๋มาบูรณาการเข้ากับการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆเช่น การจัดแสดงดนตรีบูรณาการฟ้าดินคน , การคิดค้นหลักสูตรInterdisciplinary Taijiที่นำเสนอแนวทางการนำมวยไท่จี๋มาใช้ในชีวิตประวัน และการถ่ายทอดวิทยายุทธจีนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยและต่างประเทศให้กับผู้เรียนกว่า 5,000 คน

“มวยไท่จี๋ไม่ใช่แค่เพียงวิทยายุทธ แต่คือภูมิปัญญาที่คนโบราณได้ตกผลึกและถ่ายทอดสิ่งนั้นผ่านท่ารำ ประโยชน์ของการฝึกวิทยายุทธจีนนั้นมีมากกว่าการออกกำลัง แต่คือการสมานมิตรด้วยวัฒนธรรม ดังที่มวยไท่จี๋ได้นำพาให้วัฒนธรรมไทยจีนได้มาพบเจอกัน ณ สถานที่แห่งนี้

วัฒนธรรมไทยและจีนต่างถือวิถีคุณธรรมหรือเต้า(เต๋)เป็นหลักสำคัญ และเมื่อคุณธรรมของพวกเราได้มาเจอกัน พรมแดนก็สลาย เหลือเพียงความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ” อาจารย์เอกรัตน์ จันทร์รัฐิติกาล กล่าว

จากนั้นอาจารย์ของอาจารย์เอกรัตน์ คือ ท่านปรมาจารย์หวงเหรินเหลียง ผู้สืบทอดมวยไท่จี๋ตระกูลหยางรุ่นที่ 6 ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ผ่อนคลายสงบอย่างเป็นธรรมชาติ”(松静自然) โดยอาจารย์หวงเหรินเหลียง ในวัย 92 ปี แต่ยังมีสติปัญญาที่แจ่มใส ได้กล่าวเน้นย้ำว่า “การผ่อนคลาย มิใช่เพียงเพื่อผ่อนคลาย แต่ความผ่อนคลายนั้นทำเพื่อความปลอดโปร่งโล่งสบาย ความผ่อนคลายจึงไม่ใช่การไม่ทำอะไรหรือการพยายามจะทำอะไรให้สบาย แต่คือการคงสภาพความปลอดโปร่งของธรรมชาติเอาไว้”

จากนั้นเป็นการถ่ายทอดปรัชญาขงจื่อและเมิ่งจื่อโดยทายาทสายตรงของทั้งสองตระกูล โดยได้นำหลักปรัชญาของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนำเสนอผลงานการบูรณาการเข้ากับโลกยุคปัจจุบันได้อย่างทันสมัย ในช่วงค่ำเป็นการแลกเปลี่ยนวิทยายุทธมวยไท่จี๋ทั้งการปรับท่ารำและการผลักมือ

วันที่ 28 ตุลาคม เป็นการแสดงและแลกเปลี่ยนวิทยายุทธไทยจีน โดยผู้สืบทอดมวยไท่จี๋สายตรงจากทุกตระกูลคือ เฉิน, หยาง, อู่, อู๋, ซุน โดยผู้ร่วมงานฝ่ายไทยคือ คุณชัยสิทธิ์ ศรีรัตนพิทักษ์ ผู้สืบทอดมวยไท่จี๋ตระกูลหยางรุ่นที่ 7 ได้รำมวยไท่จี๋ตระกูลหยางวงกว้างสิบสามท่าแบบเก่าและมวยไท่จี๋ฉางเฉวียน ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งมณฑลกุ้ยโจว ต่อหน้าปรมาจารย์และผู้เข้าร่วมงาน จากนั้นอาจารย์เอกรัตน์ และคุณชัยสิทธิ์ได้ขึ้นสาธิต “การพัฒนาการผลักมือของมวยไท่จี๋ในประเทศไทย” ที่ได้นำเสนอแนวคิดการฝึกการผลักมือที่ถูกต้องตามหลักของโบราณาจารย์คือ เผิง,หลี่ว์, จี่,อั้น และได้นำเสนอการผลักมือที่ผิดของผู้ฝึกผลักมือที่อาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ที่มีทักษะการต่อสู้เช่นมวยไทยเข้าโจมตีได้

บรรยากาศงานเป็นไปด้วยความอบอุ่นและมิตรภาพ ท่ามกลางการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการสาธิตมวยไท่จี๋จากหลายสำนัก ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านวัฒนธรรมวิทยายุทธมวยไท่จี๋ระหว่างไทย–จีน ที่จะขยายสู่ระดับนานาชาติในอนาคต




















กำลังโหลดความคิดเห็น