นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ชำแหละกัมพูชาเป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก ส่วน 'ไทย' เป็นศูนย์กลางฟอกเงิน ซัดรัฐบาลต้องรีบจัดการเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่วาระเงียบ
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. เฟซบุ๊ก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา ระบุว่า “กัมพูชา ศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก
ประเทศกัมพูชากลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก ไม่ใช่เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เป็น “ศูนย์กลางการหลอกลวงทางโซเชียลอันดับหนึ่งของโลก“ ที่มีเครือข่ายการทำงานเป็นรูปแบบ ผ่านระบบการสื่อสารหลากหลายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ชาติหลักที่ถูกหลอกลวงมากสุดหนีไม่พ้น ”ไทยแลนด์“ เพื่อนบ้านที่มีเขตแดนติดต่อกัน คนไทยสูญเสียเงินให้สารพัดแก๊งสแกมเมอร์ที่มีศูนย์บัญชาการตั้งอยู่ในหลายเมือง แพร่กระจายไปทั่วประเทศกัมพูชาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นดินแดนซ่องสุมของเหล่าสแกมเมอร์ โดยมี “กัมพูชา“ เป็นเมืองหลวงแห่งโลกหลอกลวง
ส่วนเหล่าหัวหน้าแก๊งจีนเขมรมักซุกเงินฟอกไว้มหาศาล และมีที่อยู่อาศัยระดับร้อยล้านในประเทศไทย สดๆ ร้อนๆ อย่างเกาหลีใต้ ต้องออกโรงส่งรัฐมนตรีมาจัดการปัญหาช่วยคนของประเทศตัวเอง
ทั้งนำมาสอบสวน หาเรื่องราวความเป็นมา ว่าถูกหลอกลวง หรือตั้งใจมาหากินเอง ถึงขนาดส่งเครื่องบินเหมาลำนำตำรวจมารับตัวถึงสนามบินเขมรกันทีเดียว เชื่อว่ายังมีคนถูกหลอกมาทำงานอีกเป็นพันคน ที่แน่ๆ คนไทยมีมากสุด เพราะ “ไทยหลอกไทย” เยอะกว่าทุกชาติ
รัฐบาลจีนเคยบุกแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติที่พม่า นำเอาเครื่องบินมารับคนจีนกลับเป็นหมื่นคน เที่ยวนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ทำเหมือนกัน ประเทศต่างๆ เหล่านั้นมีนักการเมือง รัฐบาลที่มีคุณภาพ เอาใจใส่คนของตัวเอง เอาจริงเอาจังจนประเทศอย่างกัมพูชาไม่กล้าปฏิเสธ ต้องยอมให้ตรวจค้น ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
แต่ประเทศไทยกลับยอมให้แก๊งสแกมเมอร์จีนเทาขยายอิทธิพลแพร่กระจายเข้ามาหลอกลวงคนไทยซ้ำๆ แล้วจับไม่ได้ เพราะอ้างว่าอยู่เขมร ปอยเปต สีหนุวิลล์
รัฐบาลไทยไม่ได้ทำอะไร ทั้งๆ ที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ สร้างความเสียหายมากมายแก่เศรษฐกิจ-สังคมไทย นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังทำงานแตกต่างกับรัฐบาลเกาหลีใต้อีก เพราะเกาหลีใต้คุมเข้ม สกัดขบวนการหาคนเกาหลีไปทำงานค่าตอบแทนสูงในเขมรโดยทันที ของเขารีบจัดการเป็น ”วาระแห่งชาติ“ ส่วนของไทยเป็น “วาระเงียบ“
นายกฯ อนุทิน กับรัฐบาล 4 เดือน โดนเรื่อง “โจรสแกมเมอร์” ฝีแตกเอาตอนนี้พอดี กลับมัวแต่แย่งชิง “งูเห่า” โยกย้ายข้าราชการ ห่วงผลประโยชน์ส่วนตัว แอบแฝงวางขุมกำลังอำนาจทางการเมือง ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้กว่าหลายเท่านัก
รัฐบาลนี้มีเวลาอยู่จำกัด เพิ่งได้อำนาจมาแทนที่จะไปช่วยประชาชนที่ถูกหลอกจากเขมร หรือทำการยึดทรัพย์พวก “แก๊งสแกมเมอร์” ที่ดูดเงินคนไทยมาฟอก เหมือนรัฐบาลอเมริกา อังกฤษ เร่งทำการสอบสวนเป็น “วาระด่วน” กลับเอาเวลาไปจัดการวางตัว ส.ส. ตีฝีปาก ลีลานักการเมืองย้อนยุค
ทั้งรัฐมนตรีตัวฉกาจที่สังคมจับจ้อง อวดเบ่ง เก่งแต่ในบ้าน ซ่องสุมแต่อดีต ส.ส.ตกยุค คอยจ้องแต่จะเลือกตั้ง ปล่อยให้อาชญากรเติบโต จนท้ายสุดเขมรกลับมาตายด้วยตัวเองจากคลื่นการต่อต้านทั่วโลกในเรื่อง “ศูนย์กลางสแกมเมอร์“
ฮุนเซนนั้นรู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าบรรดาอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้อาศัยดินแดนของตัวเองทำมาหากินหลอกลวงทั้งคนไทย และต่างชาติมานาน
ส่วนประเทศไทยกลายเป็น “ศูนย์กลางการฟอกเงิน” ของแก๊งสแกมเมอร์ ที่นำเงินมหาศาลมาฟอกขาว ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโดฯ หรูมากมาย ทั้งบนดินและใต้ดินผ่านนอมินีบริษัทไทย โดยรัฐบาลอนุทินขาดการบูรณาการอย่างจริงจังและเป็นระบบในการปราบปราม แค่เกาคางหวังให้เรื่องเงียบผ่านไปวันๆ
ขณะที่ จีน เกาหลีใต้ อเมริกา อังกฤษ เปิดแนวรบ “สงครามโจรสแกมเมอร์“ อเมริกา อังกฤษ สั่งริบทรัพย์ ”เฉินจื้อ“ หลายแสนล้าน ตอนนี้นับว่าเขมรอาการหนักสุดๆ ”จิ้งจอกฮุนเซน“ ใกล้ถึงวาระสุดท้าย
โลกเริ่มล้อมกรอบเขมรเป็นฐานใหญ่ ”อาชญากรออนไลน์“ บรรดาแก๊งจีนเทาที่อยู่เบื้องหลังเริ่มทิ้งเขมรให้กลายเป็นเมืองร้าง รัฐบาล “อนุทิน” ต้องถือโอกาสนี้ร่วมสหบาทา จัดการกับเขมรเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ยิ่งถูกสภาคองเกรสขึ้นบัญชี “แบล็กลิสต์“ ไปที่ “ฝรั่งตาน้ำข้าว” ที่ รังสิมันต์ โรม อภิปราย ยิ่งตอกย้ำความเป็นมายอกย้อน มีคอนเนกชันในไทยหลายวงการ
โดนอเมริกาชี้เป้าดิ้นไม่หลุด ข้อมูลตรงกระทบไปยัง “รัฐมนตรีในรัฐบาลอนุทิน” ที่ปากกล้าขาสั่นเป็นบุคคลที่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ “ไม่ให้วีซ่าเข้าอเมริกา” แต่รัฐบาลไทยกลับเป็นสาย “สุขนิยม” และ “เสพติดอำนาจ” ตอนนี้นายกฯ อนุทินยังดูงงๆ
แค่เซ็นคำสั่งตั้ง “บอร์ดปราบสแกมเมอร์“ ดันมีชื่อสายตรงคนแถวบุรีรัมย์มาคุมอีก เรื่องนี้กลายเป็น “สงครามไซเบอร์” ระดับโลกไปแล้ว แต่นายกฯ อนุทินยังตีมึน ทั้งที่เขมรอยู่ติดชิดชายแดนและหลอกลวงคนไทยมานาน
หากทำเรื่องนี้ให้เกิดมรรคผล คะแนนจะเทมาเองไม่ต้องออกแรงแต่ทำงานไม่เป็น “โจรสแกมเมอร์” เป็นไฟต์บังคับให้นายกฯ หนูทำงานแทนการตีลีลาฝีปาก ต้องรีบจัดการ โดยเฉพาะมีหลักฐาน ชื่อ นามสกุล ที่ชัดเจน เป็นหัวโจกขนาดขึ้นชื่อเป็นแบล็กลิสต์พัวพันกับคนระดับรัฐมนตรีในรัฐบาล 4 เดือนของนายกฯ เฉพาะกิจ
รัฐมนตรีบางคนเคยร่วมเป็นบอร์ดบริษัทเขมร พอมีเรื่องก็รีบลบชื่อออก หากนายกฯ อนุทินยังไม่รีบจัดการปัญหานี้ ตีเหล็กเมื่อร้อน ต่างชาตินานาประเทศ หรือแม้แต่คนไทยจะติฉินนินทาว่ารัฐบาลโดยนายกฯ อนุทินปกป้องคณะรัฐมนตรีที่ไปเกี่ยวพันกับแก๊งสแกมเมอร์ อย่างที่โรมกับไอซ์เขาตามหาคนหาย
แต่ตัวเป้งๆ กลับไปเดินอาดๆ เบ่งกล้ามบารมีอยู่ตามข่าวทุกวัน ตอบเลี่ยงไปวันๆ ขู่ฟอดๆ ว่าจะฟ้อง แต่ทำเฉยซื้อเวลาให้เงียบ อย่าคิดว่าจะอยู่ได้ถึง 4 เดือน เพราะเห็นฝีมือเรื่องนี้แล้วนายกฯ ทำท่าจะเป็น “เรือล่มปากอ่าว” จะพังเอาตอนแค่เริ่มต้น
ไปจัดการกวาด ครม.ตัวเองเสียก่อน อย่าเพิ่งไปฝันถึงสมัยหน้าให้มากนักนะครับ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็พังเอาง่ายๆ”


