กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์เก็บกวาดทุ่นระเบิดพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วพบอีก 2 ทุ่น สภาพพร้อมใช้งาน ยอดรวมพบแล้ว 9 ทุ่น ขณะฝั่งเขมรมีชาวบ้าน 30-40 คนรวมตัวประท้วงไทย โดยมีทหารและ ตชด.กัมพูชาคอยดูแล ด้านแม่ทัพภาคที่ 1 ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมขอบคุณกำลังใจจากมวลชน
กองทัพภาคที่ 1 โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ขอสรุปสถานการณ์ประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ณ เวลา 18.00 น. ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ดังนี้
สถานการณ์ด้านความมั่นคงชายแดน จ.สระแก้ว โดยฝ่ายไทย กกล.บูรพา โดย ผบ.ฉก.อรัญประเทศ ร่วมกับศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน (IMF) และตำรวจ สภ.อรัญประเทศ เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 45 ม.3 ต.ฟากห้วย อ.อรัญประเทศ พบคนไทย 11 คน หนึ่งในนั้นคาดว่าเป็นเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่และส่งตัวให้ สภ.อรัญประเทศ ดำเนินการตรวจสอบและขยายผลต่อไป นอกจากนี้ ค่ำคืนที่ผ่านมาฝ่ายไทยดำเนินการฉายสารคดี “แคมป์ 511” เพื่อเผยแพร่เรื่องราวการรับผู้อพยพชาวกัมพูชาในอดีต เป็นปฏิบัติการจิตวิทยาตามมาตรการจากเบาไปหาหนักโดยฝ่ายพลเรือน ส่วนฝั่งตรงข้าม ฝ่ายกัมพูชา ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ลงพื้นที่ไปยัง บ.เปรยจัน เพื่อสังเกตการณ์ตรวจสอบ ติดตามพฤติกรรมฝ่ายไทยเกี่ยวกับการเปิดเครื่องเสียงผ่านลำโพง อ้างเป็นรูปแบบการข่มขู่และคุกคามทางจิตใจ สร้างความรำคาญแก่ชาวกัมพูชาในพื้นที่และการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนฝ่ายไทย และมีการชุมนุมประท้วงฝ่ายไทย โดยประชาชน 30-40 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง มีทหารและ ตชด.25-30 นาย เข้าเวรเฝ้าระวัง ยังไม่มีเหตุการณ์สำคัญ
สำหรับภารกิจการเก็บกู้ระเบิด กกล.บูรพา ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ยังคงเดินหน้าดำเนินการตรวจสอบค้นหาวัตถุระเบิดที่คาดว่าตกค้างในพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วเข้าสู่วันที่สาม โดยวันนี้ตรวจพบทุ่นระเบิด จำนวน 2 ทุ่น ได้แก่ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดสะเก็ดระเบิด POMZ-2 จำนวน 2 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ตรวจสอบแล้วเป็นทุ่นระเบิดเก่า สรุปผลการเก็บทุ่นระเบิดตกค้างในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 68 ถึงปัจจุบันนี้สามารถตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวม 9 ทุ่น (POMZ-2 จำนวน 2 ทุ่น, PMN 6 ทุ่น และ MN79 1 ทุ่น)
ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะปฏิบัติการตามแผนให้ครอบคลุมพื้นที่ บ.หนองหญ้าแก้ว เพื่อคืนพื้นที่ปลอดภัยครอบคลุมอธิปไตยของไทยทั้งหมด
ทั้งนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1/ผบ.ศปก.ทภ.1 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้เห็นถึงความตั้งใจของแกนนำมวลชนจิตอาสาจากภาคส่วนต่างๆ และขอขอบคุณที่ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารในการปกป้องผืนแผ่นไทย ซึ่งถือเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนงานของฝ่ายความมั่นคงของชาติ และขอให้เชื่อมั่นว่ากองทัพภาคที่ 1 จะร่วมกับภาคส่วนต่างๆ จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยืนหยัดปกป้องแผ่นดินไทยของเราอย่างสุดกำลัง



