คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดย อาจารย์ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีและประธานกรรมการหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 จัดเสวนาในหัวข้อ "กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญากับโอกาสของธุรกิจไทยที่ห้ามมองข้าม" และจัดการบรรยายในหัวข้อ "การคุ้มครองการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนในโมดูลที่ 5 ของหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ณ ห้องประชุม ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ อนุสรณ์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ท่ามกลางภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เทคโนโลยี และกฎหมายกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป
เวทีเสวนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิแถวหน้าของประเทศ ได้แก่ คุณสืบสิริ ทวีผล นายกสมาคมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศไทย คุณทักษอร สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา ดร.อังค์วรา ไชยอนงค์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ DPU ขณะที่ใน Session บรรยายได้รับเกียรติจาก คุณไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย คณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เป็นวิทยากร ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันถอดรหัสความท้าทายและโอกาสในยุคดิจิทัลอย่างรอบด้าน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้าอบรมเห็นภาพว่าทรัพย์สินทางปัญญาและกฎหมายไซเบอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
ดร.อังค์วรา ไชยอนงค์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ DPU เปิดเวทีบรรยายด้วยการเน้นย้ำถึงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเป็นมากกว่าแค่เรื่องลิขสิทธิ์ แต่คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจสมัยใหม่ พร้อมกับชี้ให้เห็นว่า ในยุคที่ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ทรัพย์สินทางปัญญาเปรียบเสมือน “สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้” และยังมีศักยภาพในการสร้างมูลค่ามหาศาล
"กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (IP) เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เรามองข้ามไม่ได้ แม้อาจจะเคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับการตรวจจับลิขสิทธิ์ต่างๆ และคิดว่าเราจะคุ้นเคยกับกฎหมายบางฉบับเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วเบื้องลึกเบื้องหลังของกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา และมีอีกหลายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง”
ดร.อังค์วรา ยังลงลึกในรายละเอียดต่อไปว่า IP ไม่ได้มีเพียงลิขสิทธิ์ที่เราคุ้นเคย แต่ยังครอบคลุมถึงสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า และความลับทางการค้า ซึ่งล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความแตกต่างและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เช่น สูตรลับของ Coca-Cola ที่ใช้กฎหมายความลับทางการค้าคุ้มครอง หรือการที่ Tesla จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีเพื่อปกป้องการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเลือกใช้เครื่องมือทางกฎหมายที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ทรัพย์สินทางปัญญากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย คือกลยุทธ์แห่งอนาคต
บนเวทียิ่งทวีความเข้มข้นเมื่อ คุณสืบสิริ ทวีผลนายกสมาคมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศไทย ได้เปลี่ยนมุมมองของผู้เข้าอบรมจากการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อ "ป้องกัน" มาสู่การใช้เป็น "เครื่องมือทางกลยุทธ์" ที่เฉียบคมในโลกธุรกิจ โดยได้เปิดประเด็นผ่านกรณีศึกษาที่น่าสนใจของ บริษัท Segway ยานพาหนะนวัตกรรมที่เต็มไปด้วยสิทธิบัตรสัญชาติอเมริกัน แต่สุดท้ายกลับถูกควบรวมกิจการโดย Ninebot บริษัทคู่แข่งจากประเทศจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในโลกธุรกิจยุคใหม่ ทรัพย์สินทางปัญญาไม่ได้มีไว้เพื่อฟ้องร้องเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเครื่องมือต่อรองที่ทรงพลังที่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะในสมรภูมิธุรกิจได้
คุณสืบสิริ ยังพาผู้เข้าอบรมเจาะลึกสู่พรมแดนใหม่ที่ซับซ้อนและยังไม่มีคำตอบทางกฎหมายที่ชัดเจน นั่นคือเทคโนโลยี AI โดยชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่นักธุรกิจต้องเผชิญ แม้ผู้ใช้งานจะเป็นเจ้าของผลงาน (Output) ที่ AI สร้างขึ้น แต่ก็อาจกำลังละเมิดลิขสิทธิ์จากข้อมูลที่ป้อนเข้าไป (Input) โดยไม่รู้ตัว หากข้อมูลนั้นเป็นของผู้อื่น นอกจากนี้ยังได้ตอกย้ำหลักการสากลผ่านคดีดัง "ลิงเซลฟี่" หรือ “Naruto Monkey Selfie” ที่ศาลประเทศสหรัฐอเมริกาได้วางบรรทัดฐานไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในยุคที่ AI กำลังเรียนรู้และเติบโตอย่างรวดเร็ว และยังต้องรอความชัดเจนในประเด็นปัญหา ทางกฎหมายต่างๆ ที่เกิดจากการใช้ AI
ถอดรหัสทรัพย์สินทางปัญญา
ด้าน คุณทักษอร สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้นำเสนอกลยุทธ์การบริหารจัดการ IP อย่างเป็นระบบและจับต้องได้ นอกจากนี้ยังได้แนะนำวิธี "ถอดรหัส" ทรัพย์สินทางปัญญาออกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถแยกแยะและเลือกใช้เครื่องมือทางกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
เพื่อให้เห็นภาพกลยุทธ์ที่นำไปปรับใช้ได้จริง คุณทักษอร ได้มอบเครื่องมือแก่ผู้เข้าอบรม โดยแนะนำให้มองผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น เสมือนมี IP ซ้อนกันอยู่หลายชั้น ตั้งแต่เครื่องหมายการค้า (โลโก้), ลิขสิทธิ์ (ฉลาก), สิทธิบัตรการออกแบบ (รูปทรงขวด) ไปจนถึงสิทธิบัตรการประดิษฐ์ (สูตรหรือกระบวนการผลิต) ก่อนจะสรุปหลักการสำคัญ 3 ข้อในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่ง พร้อมกับให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการออกแบบโลโก้ว่าควรเป็นคำที่สั้น กระชับ จดจำง่าย และมีความหมายในเชิงบวก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาททางกฎหมายในอนาคต
"เครื่องหมายการค้ามีอยู่ 3 หลักการเท่านั้น ที่อยากจะฝากให้จำ คือ 1.มีลักษณะบ่งเฉพาะ 2.ไม่ห้าม คือไม่เป็นเครื่องหมายที่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย และสุดท้าย 3.ไม่เหมือนไม่ซ้ำ ก็คือไม่เหมือนหรือคล้ายกับสิ่งที่มีคนอื่นจดทะเบียนไว้แล้ว"
สมรภูมิไซเบอร์ ข้อมูลคือทั้งอำนาจและภัยคุกคาม
ขณะที่ คุณไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย คณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์และปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) โดยชี้ให้เห็นว่า สาเหตุหลักที่ทำให้องค์กรต้องเผชิญกับบทลงโทษมูลค่ามหาศาลนั้น ไม่ได้มาจากการโจมตีจากภายนอกอย่างที่หลายคนเข้าใจ “แต่มาจากการที่คนข้างในองค์กรเป็นคนขายและก๊อปปี้ข้อมูลออกไป"
คุณไพบูลย์ ขยายความเพิ่มเติมอีกว่า ข้อมูลที่รั่วไหลจากภายในองค์กรมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 90 ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่าการถูกแฮกจากภายนอกมาก และยังได้ยกตัวอย่างกรณีที่น่าตกใจ เช่น การที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไปอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นชื่อพ่อแม่หรือข้อมูลทางธุรกิจ ก็มาจาก "คนใน" ของหน่วยงานภาครัฐที่นำข้อมูลออกไปขาย โดยมีกรณีเจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด (unlimited access) และขายข้อมูลให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แลกกับเงิน 90,000 บาท พร้อมส่วนแบ่งอีก 20% จากข้อมูลที่ส่งไป
นอกจากนี้ ยังมีกรณีข้อมูลรั่วไหลจากความหละหลวมของหน่วยงานรัฐเอง เช่น ในช่วงการฉีดวัคซีนโควิด-19 มีการกระจายข้อมูลประชาชนไปตามหน่วยงานต่างๆ โดยใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการคาดเดาอย่าง "1234" หรือ "00" ทำให้ใครก็สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด
สำหรับภาคธุรกิจ คุณไพบูลย์ได้ให้คำแนะนำว่า แม้การถูกแฮกจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ แต่สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อข้อมูลรั่วไหล คือ มาตรการในการเยียวยาและปิดช่องโหว่โดยเร็ว ดังนั้นองค์กรมีหน้าที่ต้องแจ้งเหตุการณ์ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ทราบภายใน 72 ชั่วโมง หากปล่อยให้เรื่องถูกเปิดเผยโดยสื่อมวลชนก่อนโดยที่ยังไม่ได้แจ้ง อาจถูกปรับเป็นมูลค่ามหาศาล และส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือขององค์กร
ในช่วงท้าย บรรยากาศการเรียนรู้ยังคงเข้มข้นต่อเนื่องไปในส่วนของการถาม-ตอบ ซึ่ง คุณไพบูลย์ ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมได้แลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นที่ซับซ้อน เช่น ปัญหาบัญชีม้าที่แม้กฎหมายจะกำหนดโทษรุนแรง แต่ก็ยังคงแพร่หลาย เพราะเป็น “ปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ” ที่การบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่อาจแก้ปัญหาที่รากเหง้าได้ หากปราศจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างความตระหนักรู้และรับมืออย่างเท่าทัน