อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองฯ ตั้งคำถามถึงมาตรการคัดกรองแรงงานที่เข้มงวด เพราะหวั่นว่าอาจมีสายลับหรือผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มแรงงานได้ เนื่องจากแรงงานบางส่วนมีพฤติกรรมแสดงความเกลียดชังประเทศไทยอย่างชัดเจน เช่น การฉีกธนบัตรและเหยียบย่ำธงชาติไทย จึงควรมีการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด และไม่ปล่อยให้ผู้ที่มีเจตนาร้ายกลับเข้ามาในประเทศอีก
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ตั้งคำถามถึงการเปิดด่านชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในการพิจารณาอนุญาตให้แรงงานกลับเข้ามาอีกครั้ง เพราะแรงงานบางส่วนมีพฤติกรรมแสดงออกถึงความเกลียดชังประเทศไทยอย่างชัดเจน เช่น การฉีกธนบัตรและเหยียบย่ำธงชาติไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะลืมเลือน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่อาจมีสายลับหรือผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มแรงงานด้วย ทั้งนี้ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติได้ระบุข้อความว่า
"เปิดด่าน
วันนี้ไปออกรายการเคลียร์ชัดชัดที่ช่องเวิร์คพอยตท์ ร่วมกับอาจารย์ปณิธาน วัฒนายากร
ในรายการพูดกันถึงเรื่องเห็นด้วยหรือไม่กับการเปิดด่านชายแดนกัมพูชา และควรจะเปิดด่านเมื่อไร ควรมีเงื่อนไขหรือไม่อย่างไร
จะไม่เล่ารายละเอียดที่พูดกันในรายการ
แต่อยากตั้งคำถามว่า เมื่อมีการเปิดด่านจะจัดการอย่างไรกับแรงงานชาวเขมรที่จะขอกลับเข้ามาทำงานในไทยอีก
การให้คนงานเขมรกลับมาทำงานในไทยอีกครั้งต้องพิจารณาหลายเรื่อง จะให้ง่ายๆ แบบเก่าๆ คงไม่ได้เพราะคนเขมรที่ยกโขยงกลับบ้าน จำนวนหนึ่ง
มีการด่าทอ และแสดงอาการเกลียดชังประเทศไทย ทั้งการฉีกธนบัตร เหยียบย่ำธงชาติไทย
มีการสร้างความรู้สึกเกลียดชังชาติไทยอย่างเด่นชัด ลบเลือนยาก
แต่ที่ต้องระวังคือ อาจมีสายลัย นักก่อวินาศกรรมลักลอบเข้ามาเตรียมการก่อการร้ายในไทยเมื่อมีโอกาส
ดังนั้น ต้องมีการสกรีนให้ชัดเจน ตรวจสอบประวัติรายคน คนที่คิดร้ายต่อไทยต้องไม่ให้กลับเข้ามา จะให้เข้ามาแบบส่งเดชเหมือนเก่าไม่ได้ อย่าใจ
อ่อน อย่าเอ็นดูเขาเอ็นเราขาด"