พระคึกฤทธิ์วัดนาป่าพงโยงฟอกเงินเยอรมนี! เงินวัดโอนผ่านลูกจ้าง-พี่สาว สีกาอ้างเป็นเจ้าของเงินมูลนิธิ ตำรวจเยอรมนีตั้งข้อหาฟอกเงิน บิ๊กเต่ารับคดีแล้ว รอเปิดปฏิบัติการฟ้าสางที่ลำลูกกา
พระคึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี เริ่มขยับแล้ว ประกาศกับบรรดาศิษยานุศิษย์ว่ารอเวลาจะจัดการคนที่มาขุดคุ้ยเปิดโปงเขาทีเดียวไปเลย
คนที่รู้ประวัติพระคึกฤทธิ์ดี เช่นคุณครูณัฐนันท์ สุดประเสริฐ ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นลูกศิษย์พระคึกฤทธิ์ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่ครูณัฐนันท์เป็นคนโต้แย้งพระคึกฤทธิ์เรื่องการสอนธรรมต่างหาก และถูกพระคึกฤทธิ์ฟ้องคดีเกือบ 20 คดี จะรู้ทันทีว่า คำพูดเป็นนัยๆ ของพระคึกฤทธิ์ คือการขู่ฟ้องนั่นเอง
เห็นฉากหน้า เป็นพระที่ดูเปี่ยมเมตตาอย่างนั้น แต่ฉากหลังของพระคึกฤทธิ์มีการเปิดศึกฟ้องร้องอาญาและแพ่งกับใครต่อใครมานักต่อนัก เรียกว่าชอบใช้การค้าความปกป้ององค์กรของตัว มากกว่าพระรูปใดๆ
ฉายาทางพระคือ พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล แต่ชื่อที่ปรากฏในเอกสารการฟ้องร้องชาวบ้าน คือพระคึกฤทธิ์ สวัสดิผล นามสกุลเดียวกันกับ เสธ.แดง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ล่วงลับ
โดยชนวนเหตุของการฟ้องร้องมาจากปัญหาเงินๆ ทองๆ มหาศาล ที่มีการส่ง จากวัดนาป่าพงในประเทศไทยไปยังวัดสาขา สมาคม และมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นที่ประเทศเยอรมนี
โดยช่วงปี 2017 พระคึกฤทธิ์เริ่มการสยายปีกไปถึงเยอรมนี ด้วยการผลักดันให้ตั้งสมาคมพุทธวจนเยอรมนี มูลนิธิอารักขาตถาคตภาษิต และมูลนิธิวัดพุทธวจนเยอรมนี ซึ่งอันหลังนี้ก็คือวัดสาขาของวัดนาป่าพง ซึ่งไม่ขึ้นต่อมหาเถรสมาคมแต่อย่างใด
วัดไทย มูลนิธิ และสมาคมเหล่านี้ มีหญิงไทยในเยอรมนีเป็นคนดูแล ชื่อว่า นางกัญญาภัค ชไนเดอร์ เดิมเธอเป็นผู้มีจิตศรัทธาในพระคึกฤทธิ์ เคยเสียเงินบริจาคนับแสนบาทด้วย
นางกัญญาภัคได้รับมอบหมายในลักษณะว่าจ้างจากพระคึกฤทธิ์ ให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้จัดการ ดูแลทุกสิ่งอย่างที่เยอรมนีแทนเขา
แต่เพียงไม่นาน นางกัญญาภัคก็ถูกทางตำรวจเยอรมนีแจ้งข้อหาฟอกเงินอย่างไม่ได้คาดคิด เนื่องจากทางเยอรมนีตรวจสอบพบความผิดปกติของเส้นทางการเงิน
นางกัญญาภัคก็เลยรู้สึกเอ๊ะขึ้นมาตอนนั้น โดยเธอพบว่าเงินจำนวนมากที่โอนมาให้เธอดำเนินการ ไม่ได้ออกมาจากบัญชี ของวัดนาป่าพงโดยตรง
แต่กลับโอนโดยชื่อของนายศรชา ซึ่งเป็นลูกจ้างของวัดนาป่าพง มาเข้าบัญชีของเธอ 3 ครั้ง ครั้งแรก 2.7 ล้านบาท ครั้งที่สอง 2 ล้านบาท และครั้งที่สาม 1.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีลูกจ้างของวัดชื่อนายสมภพ โอนเงินก้อนโต 6 ล้านบาท มาที่บัญชีของนางกัญญาภัค
รวมเป็นเงิน 12.2 ล้านบาท ตัวเลขตรงกันเป๊ะกับข้อมูลที่มีการปูดออกมาโดยทนายกระดูกเหล็ก นายอนันต์ชัย ไชยเดช
ไม่เท่านั้น ยังมีเงินจากบัญชีของ น.ส.ขนิษฐา สวัสดิผล พี่สาวของพระคึกฤทธิ์ โอนมาให้นางกัญญาภัคเป็นค่าทำงานโน่นนี่นั่น กว่า 4 ล้านบาทด้วย โดยคนโอนก็คือพระคึกฤทธิ์ ซึ่งใช้แอปฯ ธนาคารของน้องสาวตัวเอง
เมื่อนางกัญญาภัค ตื่นธรรมขึ้นมาแล้วว่า ตัวเองถูกหลอกใช้ เป็นแค่เครื่องมือของใครบางคนในการฟอกเงินจนต้องถูกดำเนินคดีจากตำรวจเยอรมนี ก็เลยปกป้องตัวเองด้วยการแจ้งความต่อตำรวจเยอรมนีให้ดำเนินคดีพระคึกฤทธิ์ที่เป็นต้นเรื่องทั้งหมด
นำมาสู่การฟ้องกลับจากฝ่ายพระคึกฤทธิ์ ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งแบบแลกหมัดกันนัว มีเวทีค้าความเป็นศาลที่ประเทศเยอรมนี ห่างไกลจากการรับรู้ของบรรดาลูกศิษย์ในไทย
ทางนางกัญญาภัคก็มีข้อสังเกตว่าเงินที่ตัวเองได้รับมาเหล่านั้นมีความผิดปกติจริงๆ เพราะเหตุใดเงินดำเนินการของมูลนิธิถึงไม่ใช้บัญชีเงินวัดนาป่าพง แต่กลับเป็นเงินจากบัญชีของลูกจ้างวัด แล้วลูกจ้างวัดเหล่านั้นจะมีเงินก้อนโตไปได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่การย้ายเงินของวัดมายังบัญชีของลูกจ้าง
ก็แปลว่า เงินบริจาคจากจิตศรัทธาของชาวพุทธ เกิดการรั่วไหลขึ้นแล้ว
ในส่วนของสีกาคนสนิท อย่างสีกาตา น.ส.สหัสทยา คุ้มชนะ ก็มีบทบาทที่เยอรมนีด้วย เธอเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับพระคึกฤทธิ์ ช่วงดำเนินการจัดตั้งมูลนิธิ
แล้วปรากฏเป็นหลักฐานในชั้นศาลที่นั่นว่าสีกาตาได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ของเยอรมนีเลยว่าเธอเป็นเจ้าของเงินมูลนิธิ
พฤติกรรมความเป็น "พระชอบฟ้อง" ของพระคึกฤทธิ์ ไม่ได้มีแค่ที่เยอรมนี แต่เคยฟ้องบรรดาอดีตลูกศิษย์ที่มากล่าวหาเรื่องเงินรั่วไหลด้วย เคยเป็นข่าวในหน้าสื่อไทยมาแล้ว
ใดๆ ก็ตาม เส้นทางการเงินเหล่านี้อยู่ในมือของบิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้วแล้ว อยู่ที่ว่าบิ๊กเต่าพร้อมจะเปิด “ปฏิบัติการฟ้าสางที่ลำลูกกา” กระชากจีวรพระคนดัง เมื่อไรเท่านั้น