xs
xsm
sm
md
lg

"ดร.แก้ว" พาครอบครัวอุ้มลูกน้อยตามคดีถูกรถตู้ชน ผ่านไป 5 เดือนไม่คืบหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (15 ก.ย.) ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ "ดร.แก้ว" ผู้ก่อตั้งเพจ "ดร.แก้วช่วยได้" พร้อมด้วยทนายความ ได้พา นายนนทกาน อายุ 21 ปี และ น.ส.นวิยา (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี สองสามีภรรยา พร้อมลูกน้อยวัย 8 เดือน และแม่ยาย เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารสาธารณะชนท้ายรถจักรยานยนต์บริเวณแยกไฟแดงโรงเรียนวัดลาดปลาดุก ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากนายนนทกานขี่รถจักรยานยนต์พาภรรยาและลูกชายวัยเพียง 6 เดือนเพื่อไปส่งของ ระหว่างทางถูกรถตู้โดยสารสาธารณะขับพุ่งชนท้ายทำให้ภรรยา และลูกน้อยกระเด็นตกจากรถได้รับบาดเจ็บ ศีรษะมีเลือดไหลจำนวนมาก เข้ารักษาตัวที่ รพ.บางบัวทอง คู่กรณีอ้างว่ารอประกันมาเคลียร์และไม่ลงมาดูอาการผู้บาดเจ็บ แถมยังขู่แจ้งความกลับทำร้ายร่ายกายเนื่องจากนายนนทกาน บันดาลโทสะต่อยหน้าไป 1 ครั้ง

หลังเกิดเหตุครอบครัวผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง รอการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่จนถึงปัจจุบันผ่านมาเกือบ 5 เดือนคดีไร้ความคืบหน้า แม้ในวันนี้ตำรวจได้นัดคู่กรณีมาพบเพื่อสอบปากคำ แต่ปรากฏว่าคู่กรณีไม่เดินทางมา ขณะที่พนักงานสอบสวนยังไม่เคยสอบปากคำผู้เสียหาย รวมถึงไม่ดำเนินการขอใบความเห็นแพทย์ ที่ยืนยันบาดแผลการรักษาของเด็กจาก รพ.ถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดี

น.ส.นวิยา ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเมื่อลูกชายตกลงไปบนถนน เลือดไหลเต็มหน้าผากแต่คู่กรณีไม่ลงมาดู ไม่แม้แต่ถามอาการ ตอนรักษาตนนอนเฝ้าลูกใน รพ.เป็นเวลา 3 คืน 4 วัน คู่กรณีไม่เคยเข้ามาเยี่ยม ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ทุกวันนี้รู้สึกเสียใจที่พาลูกออกไปเจอเหตุการณ์เลวร้าย และยิ่งเสียใจไปกว่านั้นคือคดีไม่คืบหน้า ทั้งที่เป็นคดีอุบัติเหตุควรมีความชัดเจน

ดร.แก้วเปิดเผยว่า วันนี้ตนพาผู้เสียหายและทนายความมาติดตามความคืบหน้า แต่กลับไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ ทั้งในเรื่องการสอบปากคำ และเอกสารหลักฐานสำคัญอย่างใบความเห็นแพทย์ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ไปเอามา ผู้เป็นแม่ต้องไปสอบถามที่ รพ.เอง แต่กลับถูกปฏิเสธว่าเป็นความลับทางราชการ ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของตำรวจในการจัดการ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความล่าช้า และการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายเดือดร้อน และไม่ได้รับความเป็นธรรม

นอกจากนี้ ตนได้ติดตามไปที่ทำงานของคนขับรถตู้คู่กรณีภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.บางบัวทอง แต่ไม่พบตัว โดยผู้ดูแลพื้นที่แจ้งว่าเจ้าตัวไม่ได้มาทำงานหลังเกิดเหตุ และรับปากว่าจะช่วยติดต่อเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย เพราะหากรอเพียงการดำเนินการของพนักงานสอบสวนเรื่องอาจล่าช้าไปอีก

ครอบครัวผู้เสียหายยืนยันว่าสิ่งที่เรียกร้องไม่ใช่เงินจำนวนมากมาย แต่ขอให้คู่กรณีแสดงความรับผิดชอบ ในฐานะคนที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเด็กเล็กได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับถูกละเลยทอดทิ้ง อีกทั้งพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างล่าช้า จนคดียืดเยื้อมานานเกือบ 5 เดือนโดยไร้ความคืบหน้า














กำลังโหลดความคิดเห็น