“วีระ สมความคิด” เปิดโปงการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกาะกง ชี้การเข้าร่วมของ “พล.อ.ณัฐพล” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะยังเป็นแค่รัฐมนตรีรักษาการ ระบุเป็นการยอมรับอธิปไตยกัมพูชาโดยปริยาย ย้ำเตรียมฟ้องทั้ง “พล.อ.ณัฐพล-นายกฯ อนุทิน”
รายการ Politicize โดย พัชระ สารพิมพา และ ณัฎฐพล กรรณสูต ได้สัมภาษณ์ นายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "วีรบุรุษหนองจาน" ผู้ต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย โดยนายวีระออกมาแสดงความเห็นอย่างเผ็ดร้อนต่อกรณี พล.อ.ณัฐพล กรรณสูต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568
นายวีระระบุว่า การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ถือเป็นโมฆะ ไม่ว่าผลการเจรจาหรือข้อตกลงใดๆ จะออกมาอย่างไร เนื่องจาก พล.อ.ณัฐพล ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งเพียงรัฐมนตรีช่วยกลาโหมในรัฐบาลรักษาการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือเตือนแล้วว่ารัฐบาลชุดรักษาการไม่ควรตกลงทำสัญญาหรือข้อตกลงที่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลใหม่ที่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
นายวีระย้ำว่าจะนำเหตุการณ์นี้ไปยื่นฟ้องดำเนินคดีทั้ง พล.อ.ณัฐพล และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากถือเป็นการกระทำเกินอำนาจทางกฎหมาย และอาจสร้างผลเสียหายต่อสถานะของประเทศในอนาคต
นอกจากนี้ นายวีระยังกล่าวหาว่าการเดินทางไปประชุมที่เกาะกงเท่ากับเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าเกาะกงเป็นดินแดนของกัมพูชา ทั้งที่ตามหลักเขตแดนที่ 72 และ 73 พื้นที่กว่า 3 ใน 4 ของเกาะกงด้านที่ติดทะเลนั้นเป็นดินแดนของประเทศไทย โดยอ้างอิงจากคำบอกเล่าของ พล.ท.ภิรัช หรือ “เสธ.หมึก” ผู้ซึ่งเคยย้ายหลักเขตแดนกลับไปยังตำแหน่งเดิม และยืนยันว่าแนวเขตแดนที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในจุดที่กัมพูชากำหนด
วีระยังอ้างข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากแผนที่ยุคฝรั่งเศส-สยามที่ชี้ชัดว่าพื้นที่ชายฝั่งส่วนใหญ่ของเกาะกงเป็นของไทย อีกทั้งฝรั่งเศสเองก็ทราบดีว่าน่านน้ำไทยมีทรัพยากรพลังงานจำนวนมาก
เขายังเตือนว่าการปรากฏตัวของ พล.อ.ณัฐพล ในฐานะแขกของจังหวัดเกาะกง กัมพูชา สามารถถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานในศาลระหว่างประเทศ เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยได้ยอมรับอธิปไตยของกัมพูชาบนพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
นายวีระทิ้งท้ายว่า การกระทำเช่นนี้ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และสะท้อนถึงการละเลยต่อคำเตือนของรักษาการนายกรัฐมนตรีและกฤษฎีกาที่ห้ามลงนามหรือทำข้อตกลงใดๆ ที่มีผลผูกพันในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล