วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. และคณะแถลงข่าวว่ารวบรวมรายชื่อ ส.ว. 21 คน ตามมาตรา 82 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้พิจารณาถอดถอน ส.ว. 136 คนออกจากตำแหน่ง กรณีเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 ว่า ส.ว.ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ พร้อมกับขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วนการเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระ
น.ส.นันทนาแถลงว่า จากการสืบสวนและไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบว่า ส.ว.136 คนนั้นมีส่วนสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งถูกแจ้งข้อหาในคดีฮั้วเลือก ส.ว. และฟอกเงิน เเละยืนยันว่าได้รายชื่อครบตามจำนวนที่ต้องการคือ 1 ใน 10 ของเสียง ส.ว. แล้ว และยื่นรายชื่อต่อประธานวุฒิสภาแล้วนั้น
แหล่งข่าวจาก ส.ว.แจ้งว่า หลังทราบการแถลงข่าวของ น.ส.นันทนานั้น ส.ว.ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และรายชื่อ ส.ว. 136 คนที่ถูกร้องเรียนนั้นมีชื่อ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เเละ พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง รวมอยู่ด้วย หากพิจารณาคำร้องของ น.ส.นันทนาแล้วนั้น โอกาสที่ประธานวุฒิสภาจะยกคำร้องและไม่ยื่นเรื่องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้นก็มีโอกาส
“และต้องพิจารณาความคืบหน้าการทำงานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 กกต.นั้นคืบหน้าเพียงใด หากกล่าวอ้างลอยๆ ตามคำร้องและการแถลงข่าววันนี้ของ น.ส.นันทนานั้นคงไม่ถูกต้องนัก เพราะยังอยู่ในขั้นตอนที่หนึ่งจากสี่ขั้นตอนของ กกต.ตอนนี้ ตน และ ส.ว.หลายคนยังแปลกใจการดำเนินการของ น.ส.นันทนาที่ไม่ยุติเสียที”
แหล่งข่าวจาก ส.ว.ยังกล่าวอีกว่า ทราบว่า น.ส.นันทนาเพิ่งไปชี้แจงต่อคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกรณี น.ส.นันทนา ด้อยค่า ส.ว.อาชีพขายหมู ว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมนั้นก็ต้องติดตามว่ามติจะออกมาแบบไหน หากเป็นลบ น.ส.นันทนาอาจถูกยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ว่ากระทำการขัดจริยธรรมเ และอาจโดนถอดถอนจากตำแหน่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน พ.ค. 2568 กลุ่ม ส.ว.พันธุ์ใหม่ นำโดย น.ส.นันทนา แถลงความคืบหน้าในการเข้าชื่อ ส.ว.เพื่อขอให้ ส.ว.ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้ว ส.ว. หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อไม่ให้ 138 ส.ว. ร่วมกับ ส.ว.ที่เหลือลงมติเลือกองค์กรอิสระ เเต่การรวบรวมรายชื่อคราวนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ เเละมีการประกาศยุติการเคลื่อนไหวในครั้งนั้นไปเเล้ว
อย่างไรก็ดี ในเดือน ส.ค.นี้เป็นต้นไปประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการในการสรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในองค์กรอิสระ จะต้องพิจารณาบุคคลที่สมัครเข้ารับการสรรหาฯ เป็นกรรมการ ป.ป.ช.สองตำเเหน่ง และ กกต.สองตำแหน่งแทนตำเเหน่งที่ว่างลง ก่อนที่จะส่งให้ ส.ว. พิจารณาลงมติ และเวลาต่อจากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะเปิดให้มีการรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาองค์กรอิสระอื่นๆ ที่ตำแหน่งว่างลงตามลำดับ