นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 พระองค์ทรงสืบสานพระราชปณิธานบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขอาณาราษฎรมาอย่างต่อเนื่อง ทรงสืบสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้เกิดความยั่งยืน เพื่อความสุขความเจริญของบ้านเมืองและประชาชนคนไทย ดังผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นฯ จังหวัดสกลนคร โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเฮี้ยฯ จังหวัดเชียงราย โครงการฝายบ้านเขาแดงฯ จังหวัดจันทบุรี และโครงการฝายเก็บกักน้ำคลองท่ากระจายฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โครงการเหล่านี้ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค และลดความเสี่ยงจากอุทกภัย นับเป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงพระราชหฤทัยมุ่งมั่นในการขจัดทุกข์บำรุงสุขเพื่อพสกนิกรของพระองค์
นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะกรรมการติดตามขับเคลื่อน และเร่งรัด รวมทั้งแก้ปัญหาและอุปสรรคร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และมีรองประธานกรรมการฯ ประกอบด้วย พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี และพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี โดยมีนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่เป็นกรรมการ
ด้วยพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากข้อมูล ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2559 – มิถุนายน 2568 พบว่ามีโครงการรวม 198 โครงการ กระจายอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 66 โครงการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 76 โครงการ ภาคกลาง 36 โครงการ ภาคใต้ 19 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการที่มีพระราชดำริโดยตรง 24 โครงการ ราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือ (ฎีกา) 127 โครงการ และหน่วยงานต่างๆ ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยอีก 47 โครงการ
นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. เปิดเผยว่า เพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง สำนักงาน กปร. จึงได้กำหนดแนวทางการพัฒนาต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ยึดหลักการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สู่การพัฒนาอาชีพของราษฎรควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้ฐานข้อมูลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 5,201 โครงการ ซึ่งมีโครงการฯ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ดำเนินการแล้วเสร็จ พร้อมติดตามผลการดำเนินงาน ภายใต้หลักการบริหารงานคุณภาพ Plan Do Check Act : PDCA ต่อผลสัมฤทธิ์โครงการ
“ที่ผ่านมา สำนักงาน กปร. มีการทำประเมินผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเหมาะสมที่จะมีการสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสำนักงาน กปร. ได้สืบสานด้วยการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง การรักษา ด้วยการทำนุบำรุงให้คงอยู่และใช้ประโยชน์ได้เหมือนเดิม และการต่อยอด ด้วยการขยายผลการใช้ประโยชน์ให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งปริมาณ พื้นที่และจำนวนประชากรที่ได้รับประโยชน์ ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ได้มีการสืบสาน รักษา ต่อยอด ในปี 2566 จำนวน 18 โครงการ ปัจจุบันกำลังดำเนินการอีก 24 โครงการ โดยร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการเพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการแปรรูปผลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ และขับเคลื่อนยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ขึ้นทะเบียนและจดแจ้งผลิตภัณฑ์ มาตรฐาน อย. เพื่อให้เป็นที่ยอมรับซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้เกิดผลสำเร็จอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องต่อไป” นางสุพร ตรีนรินทร์ กล่าว
พระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ณ วันนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า พระองค์ทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อสร้างความผาสุกร่มเย็นให้แก่ชาติบ้านเมือง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงยังคงเจริญงอกงามแผ่ไพศาลเอื้อประโยชน์ทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย สร้างภูมิคุ้มกันในการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงภายใต้สังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้