กัมพูชากำลังเล่นสงครามประสาทเต็มรูปแบบ ทั้งการปะทะจริงและ "กองทัพบอต" ที่ปั่นข่าวบิดเบือนว่า "ไทยยิงก่อน" และ "กัมพูชารักสงบ" คนไทยสู้ไอโอเขมรไม่ไหว เพราะรัฐบาลยังนิ่งเฉย ปล่อยให้ประชาชนต้อง "รบเอง" เหมือนชาวบ้านบางระจัน ท่ามกลางภาพลักษณ์กัมพูชาที่ฉาวโฉ่เรื่องสแกมเมอร์ แต่ไทยกลับไม่ฉวยโอกาสขยี้จุดอ่อนนี้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องตื่นจากภวังค์และเข้าสู่ "สมรภูมิไอโอ" ก่อนที่ความจริงจะถูกบิดเบือนไปตลอดกาล!
วันนี้ (24 ก.ค.) กรกิต ดิษฐาน นักเขียน, นักข่าว, นักวิจัย และนักวิเคราะห์ชาวไทยที่มีชื่อเสียง โดยมีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตะวันออก ได้ออกมาโพสต์ข้อความเผย ไทยกำลังเผชิญ “สงคราม 2 แนวรบ” กับเขมร โดยได้ระบุข้อความว่า
"กัมพูชากำลังทำสงคราม 2 แนวรบกับเรา หนึ่งคือเริ่มสงครามในรูปแบบกับเราแล้ว และสองยังทำสงครามข้อมูลข่าวสาร หรือ "ปฏิบัติการไอโอ" กับเราด้วย โดยอย่างหลังคือการส่ง "กองทัพบอต" ไปโกหกกับชาวโลกว่า "ไทยยิงก่อน" และ "กัมพูชารักสงบ" รวมถึงเรื่องมดเท็จต่างๆ นานา
แพลตฟอร์มข่าวในโซเชียลฯ ที่รายงานข่าว "สงครามไทย-กัมพูชา" จะมีพวกบอตเขมรทำงานกันอย่างขันแข็งเพื่อ "ทำความจริงให้เป็นเท็จ" โดยที่คนไทยเข้าไปตอบโต้บ้างแต่ยังสู้ไม่ไหว
บางคนเรียกร้องให้คนไทยช่วยกัน แต่ผมคิดว่าคนไทยสู้ไม่ไหวหรอกครับ ถ้าไม่มีการ "จัดหน่วยรบ" หรือ "จัดตั้ง" อย่างเป็นระบบเหมือนกัมพูชาที่ทำสงครามนี้กับไทยมายาวนาน โดยที่รัฐบาลไทยเพิกเฉยมาหลายปีแล้ว
อย่าปล่อยให้สงครามข้อมูลข่าวสารแพ้เขมร เพราะมันจะบ่อนทำลายการรับรู้ของชาวโลก ที่เราจำเป็นต้องให้พวกเขาเข้าใจ "ความชอบธรรมในการปราบกัมพูชา" ของเรา
เมื่อสองวันก่อนผมเพิ่งเขียนเรื่อง "คนไทยต้องรบกับ IO กัมพูชาเองเหมือนชาวบ้านบางระจัน รัฐบาลได้แต่รอให้ "กรุงศรีฯแตก" หรือไง?" ตอนหนึ่งผมบอกไว้ว่า
กัมพูชามีจุดอ่อนที่ชัดเจนเรื่องหนึ่งคือ "การเป็นแหล่งสแกมเมอร์" และโลกรู้ดีว่า "ชนชั้นนำของกัมพูชาสนับสนุนธุรกิจสีเทา"
ภาพลักษณ์ของกัมพูชาเลวร้ายขนาดนี้!
แต่รัฐบาลไทยแทบไม่ได้ขยี้จุดอ่อนนี้ ไม่ฉวยโอกาสซ้ำ ไม่ทำสงครามนอกรูปแบบ
ผลก็คือ "กำราบ" กัมพูชาไม่อยู่เสียที ทำให้กัมพูชาเล่นสงครามประสาททุกวันด้วยการปล่อยข่าวเท็จ ความเท็จนี้นอกจากจะหลอนตัวเองให้เชื่อว่าจริงแล้ว ผมกลัวว่าสักวันชาวโลกจะหลงเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
นี่คือ "สงครามประสาทอย่างหนึ่ง" เป็นทั้งสงครามจริงๆ และเป็นอาการประสาทอย่างหนึ่งของชนชั้นนำในกัมพูชาด้วย
การที่ชนชั้นนำของกัมพูชามีกมลสันดานที่ "จริงๆ เท็จๆ เท็จๆ จริงๆ" ทำให้ประเทศนี้ไม่สนใจศีลธรรมจรรยาเวลาปล่อยให้ IO โกหกในแพลตฟอร์มต่างๆ
เช่นผมเห็นกับตาว่ามีพวก IO กัมพูชาไปแสร้งเป็นคนไทย แล้ว "ปั่น" คนประเทศอื่นให้เกลียดไทย เช่น อ้างว่าวัฒนธรรมของประเทศ A เป็นของไทย หรืออ้างว่าประเทศ B น่าเกลียด ทั้งหมดนี้เป็น "เขมรอำพรางเป็นไทย" เพื่อให้เป้าหมายเกลียดไทย
พูดง่ายๆ คือ กัมพูชารู้ตัวว่าชาวโลกรังเกียจเพราะตระบัดสัตย์ มุสาวาท และฉ้อโกง ก็คิดจะพาไทยลงนรกไปพร้อมกัน ด้วยวิธีนรกๆ ที่ว่านั่นเอง
พวกนี้ผมเห็นกับตาตัวเอง บางครั้งก็จะมีคนไทยไปเปิดโปง "เขมรเนียนไทย" พวกนี้ แต่ผมเชื่อว่ายังมีอีกมากที่กำลังบ่อนทำลายไทยด้วยวิธีนี้โดยไม่มีใครไปต่อต้าน
แม้ว่าแสนยานุภาพด้านอินเทอร์เน็ตของกัมพูชาจะล้าหลังมาก แต่ IO พวกนี้มีจำนวนมาก นั่นแสดงว่า ...
หนึ่ง กระแสคลั่งชาติของกัมพูชามาถึงจุดสูงสุดแล้ว ผู้คนถึงกล้าเสียสละดาต้ากับค่าเน็ดเพื่อมา "รบ" กับไทยแบบนี้
สอง การสนับสนุนสงคราม IO ต้องมีเบื้องหลังที่มีแสนยานุภาพด้านอินเทอร์เน็ต นั่นคือรัฐบาล หาไม่แล้วจะรบกองโจรไปทั่วแบบนี้ได้ยาก
นี่คือสมรภูมิ IO แท้ๆ ซึ่งรัฐบาลไทยนิ่งเฉย และยังเป็นสงครามประสาทแบบจรยุทธ์ที่ไทยควรจะใช้วิธีจรยุทธ์เช่นกัน แต่รัฐบาลจะปล่อยให้ประชาขน "รบแบบกองโจร" กันเองไม่ได้ เพราะอาวุธดิจิทัลรัฐบาลก็มี แต่กลับ "อ่อน" ในแนวรบด้านนี้
นี่แสดงถึงว่า พี่น้องชาวไทยกำลังลงมือปกป้องบ้านเมืองกันเองแบบชาวบ้านบางระจัน
แต่รัฐบาลกำลังทำตัวเหมือน "ขุนนางขี้ขลาด" แห่งกรุงศรีฯ
เพราะนอกจากจะช้าในเรื่องป้องกันบ้านเมืองแล้ว เวลาคนไทยที่ลงแรงช่วยป้องกันบ้านเมืองขอให้รัฐบาลขยับบ้าง รัฐบาลก็ไม่แยแส พอจะใส่ใจขึ้นมาบ้างก็สนใจแบบแกนๆ เหมือนชาวบ้านบางระจันขอปืนใหญ่ กรุงศรีฯ ก็ไม่กล้าส่งไปให้
สภาพแบบนี้กรุงศรีฯ ถึงแตก ผมกลัวว่าสงคราม IO ครั้งนี้ถึงกัมพูชาจะกระจอกงอกง่อย แต่ถ้า "รัฐบาลกรุงศรีฯ" ยังมีแต่คนไม่เอาไหน ก็เกรงว่าศัตรูกระจอกๆ ก็สามารถเอาชนะได้"