“พระมหาทิวากร ดีไพร” เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท สมุทรสาคร ทำพิธีลาสิกขาแล้วที่วัดหลักสี่ อ.บ้านแพ้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังมีข่าวพัวพัน "สีกากอล์ฟ" แล้วหายตัวไป 7 วัน ตำรวจจัดอยู่ในกลุ่ม 2 สัมพันธ์เชิงชู้สาว และพบเส้นทางการเงินโอนให้กว่า 1 ล้านบาท
เมื่อเวลา 23.23 น. วันที่ 17 ก.ค. 2568 เฟซบุ๊ก “ไก่แก้ว สารพัดนึก” ของพระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ได้เผยแพร่ภาพขณะที่พระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทำพิธีลาสิกขาที่อุทยานหลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมข้อความระบุว่า “มหาทิวากร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ลาสิกขาที่อุทยานหลวงพ่อโต วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.41 น. ให้เหตุผลว่าเพื่อความสบายใจของคณะสงฆ์ ยังปัดไม่ปาราชิก”
ทั้งนี้ พระมหาทิวากรได้หายไปจากวัดใหญ่จอมปราสาทเมื่อคืนวันอาสาฬหบูชา (10 ก.ค.) หลังมีข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับ สีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดพิจิตร ที่มีพฤติกรรมเสพเมถุนกับพระชั้นผู้ใหญ่ และถูกตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จับกุมเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2568 ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางใน 3 ข้อหา คือ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 147, รับของโจร และฟอกเงิน
แนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่าพระมหาทิวากร ดีไพร เป็นพระสงฆ์อยู่ในกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะเชิงชู้สาว ที่ไม่สมควรอย่างยิ่งในทางพระธรรมวินัยถือว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งมีพระสงฆ์อยู่ 3 รูป ร่วมกับอดีตพระเทพปวรเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส และอดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ถือเป็นกลุ่มสุดท้ายในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในลักษณะเสพเมถุน ซึ่งมีทั้งหมด 9 รูป และลาสิกขาแล้วทั้งหมด
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินระหว่างพระมหาทิวากร กับสีกากอล์ฟ พบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ 1,176,740 บาท ส่วนสีกากอล์ฟโอนให้พระมหาทิวากร 357,500 บาท
สำหรับพระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ฉายา อาภทฺโท อายุ 59 ปี เป็นครูสอนบาลี มีวุฒิการศึกษาทางธรรมเป็นนักธรรมเอก สอบได้เมื่อปี 2532 ส่วนเปรียญธรรม 9 สอบได้ปี 2544 และได้รับปริญญาเอกเมื่อปี 2560 จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย