นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาโพสต์ข้อความสนับสนุนให้มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 โดยระบุว่า นางสาวแพทองธารซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโท และควรมีจิตสำนึกในการรักษาผลประโยชน์ของชาติมากกว่าบุคคลทั่วไป ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ สมเด็จฮุนเซน อดีตผู้นำกัมพูชา ในขณะที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เป็นการกระทำโดยเจตนาและรู้สำนึกถึงผลที่จะตามมา
วันนี้ (19 มิ.ย.) “ถาวร เสนเนียม” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาโพสต์ข้อความหนุนให้แจ้งความดำเนินคดีต่อนางสาวแพทองธาร โดยอดีต รมช.คมนาคนได้ระบุข้อความว่า
"นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย อายุ 38 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโท ย่อมต้องมีจิตสำนึกในการรักษาผลประโยชน์ของชาติมากกว่าบุคคลธรรมดา ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซน ผู้นำเขมร ในขณะที่นางสาวแพทองธารมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่มีสติฟั่นเฟือน เป็นการกระทำโดยเจตนา ได้กระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ โดยประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลว่าราชอาณาจักรไทยส่วนใดส่วนหนึ่งที่เขมรอ้างว่าเป็นของเขมรถึงขนาดส่งกองกำลังทหารมายึด แต่แม่ทัพภาค 2 ของไทยได้ส่งกำลังไปตรึงเอาไว้จนเกิดการปะทะกับทหารเขมร การข่าวแจ้งว่าทหารเขมรเสียชีวิตไป 1 นาย
ต่อมาฮุนเซนได้นำเรื่องนี้ฟ้องต่อศาลโลก ในการคุยทางโทรศัพท์ นางสาวแพทองธารพูดว่า “แม่ทัพภาค 2 ของไทยเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับเรา และนางจะช่วยเหลือฮุนเซนทุกเรื่อง” ผมในฐานะประชาชนคนไทยขอฟันธงว่านางสาวแพทองธารกระทำความผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 มาตรา 119 ความว่า “ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ในอำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้ราชอาณาจักรของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต” ผมขอสนับสนุนที่ทราบว่าจะมีผู้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้ถึงที่สุดครับ"