3 บลจ.มั่นใจ กองทุน "BRIC" ดีระยะยาว ระบุการปรับตัวตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงในช่วงนี้ เป็นแค่ความผันผวนระยะสั้น เชื่อพื้นฐานเศรษฐกิจและการบริโภค 4 ประเทศเกิดใหม่เหล่านี้ จะทำให้ได้รับเอฟเฟคทางลบน้อยลง พร้อมแนะลูกค้าลงทุนช่วงตลาดหุ้นปรับตัวลง เพื่อเพิ่มโอกาสการทำกำไรในระยะยาว
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ คงจะมีกระทบต่อตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่บ้าง เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจ และเมื่อมีปัญหาก็ย่อมส่งผลกระทบในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความผันผวนนี้คงจะอยู่แค่ในช่วงสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งการลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่หากเป็นการลงทุนในระยะกลางถึงยาวก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
สำหรับการลงทุนในกองทุน บริค ซึ่งเป็นการลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย จีน อินเดีย นั้น ถือว่ามีข้อดีกว่าการลงทุนในตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ด้วยกัน เนื่องจากประเทศเหล่านี้มี ประชากร และทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการเจริญเติบโตที่สูง ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นในเวลานี้คงจะเกิดขึ้นแค่ระยะสั้น และถือเป็นช่วงที่ดีหากจะเข้ามาลงทุนในช่วงนี้
"จีนเองในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็มีการปรับตัวในส่วนของตลาดหุ้นลงเช่นกัน เนื่องจากแรงกดดันจากภายนอก แต่จากพื้นฐานที่ดีของจีนเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบแค่ระยะสั้นเท่านั้น และการลงทุนของกองบริคก็จะเป็นลงทุนในระยะยาว และช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่น่าลงทุนทีเดียว"นายจุมพลกล่าว
ส่วนการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับลดอัตราลงทำให้นักลงทุนบางส่วนหันมาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้นนั้น คงจะไม่มีผลต่อการลงทุนในกองทุนประเภทบริคมากนัก เนื่องจากนักลงทุนที่ลงทุนในตรสารหนี้ยุโรป หรือ ECP จะเป็นลูกค้าที่อยู่ในฐานเงินฝาก ซึ่งคงจะไม่เปลี่ยนพฤติกรรมมาลงในกองหุ้นโดยทันที แต่จะหันไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศระยะสั้นมากกว่า
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในกลุ่มประเทศบริคในขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกพอสมควร ซึ่งกองทุนที่เข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้ต้องปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมตามสถานการณ์ โดยแต่ละประเทศจะมีผลกระทบจากแรงกดดันต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน และเมื่อนำมาเฉลี่ยกันให้เหมาะสมการลงทุนก็จะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวไม่มากนัก
"การลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้จะมีส่วนดีคือ สามารถให้น้ำหนักทั้ง 4 ประเทศต่างกันได้ ซึ่งหากมองที่จีนกับอินเดียแล้วก็ได้รับผลกระทบพอสมควร ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นใน 2 ประเทศนี้ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร แต่กับประเทศ บราซิล และรัสเชีย เชื่อว่าน่าจะยังดีอยู่ และเมื่อให้น้ำหนักในการลงทุนที่ดีแล้วจะทำให้การลงทุนได้ประโยชน์มากขึ้น"นายเพิ่มพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ขณะนี้ ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดี หลังจากที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง ซึ่งหากเป็นการลงทุนระยะยาวด้วยแล้วก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีได้ เนื่องจากปรเทศเหล่านี้มีศักภาพในการเติบโต และพื้นฐานของการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ส่วนความผันพวนที่เกิดขึ้นตอนนี้ คาดว่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ และไม่ส่งผลกระทบนานมากนัก
ทั้งนี้ การที่มีการคาดการณ์กันว่านักลงทุนจะหันมาลงทุนในประเทศมากขึ้น หลังจากที่ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ยุโรป (ECP) ที่เคยได้รับความนิยมมีผลตอบแทนต่ำลงจากการลดอัตราดอกเบี้ยนั้น คาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่คงจะหันมาลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศมากขึ้น ส่วนที่จะหันมาลงทุนกองทุนบริคคงจะมีเหมือนกัน แต่จะต้องขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วยว่าจะสามารถรับความเสี่ยงได้มากขนาดไหน เนื่องจากลูกค้าที่เคยลงทุนในกองECP จะเป็นฐานลูกค้าอีกประเภทหนึ่ง
นางสาวสุทธินี สิมะกุลธร ผู้จัดการกองทุน บริษัหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อเนื่องกระทบไปถึงประเทศอื่น เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อการบริโภคของสหรัฐฯ ลดลงจึงก่อให้เกิดความกังวลไปทั่วโลกที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกมายังสหรัฐฯ
สำหรับการลงทุนในประเทศกลุ่มบริค (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน) ยังคงน่าสนใจอยู่ เนื่องจาก มีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นค่อนข้างสูง การประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน แม้ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาตลาดหุ้นในประเทศกลุ่มบริค จะปรับตัวลดลงตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ผลกระทบจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นของประเทศกลุ่มบริคในครั้งนี้จะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น แม้ว่าอาจจะยังคงผันผวนไปจนกว่าปัญหาที่เกิดในสหรัฐฯ จะปรากฎขึ้นชัดเจนทั้งหมด แต่ในระยะยาวแล้ว นักลงทุนจะได้รับอานิสงค์จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจประเทศกลุ่มบริค ที่เติบโตจากการบริโภคในประเทศเป็นสำคัญ
"ประเทศกลุ่มบริคมีสัดส่วนมากถึง 30% ของอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และมีประชากรมากถึง 40% ของประชากรโลก จีนและอินเดียจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยคาดว่าจะยังคงเติบโตที่ระดับเกิน 10% และถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ แต่เราเชื่อว่าปัญหานี้ยังอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้ ในขณะที่ประเทศบราซิลและรัสเซียได้รับแรงกระตุ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศ และทั้ง 4 ประเทศนี้มีเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงช่วยลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนได้เป็นอย่างดี"นางสาวสุทธินีกล่าว