ปรัชญาการทำงานแบบ “เจแปนเวย์” ผ่านมุมมองของผู้บริหารชาวไทย ซึ่งผ่านประสบการณ์ทำงานกับชาวญี่ปุ่นมานานกว่า 10 ปี....โดย ดร.ธนศักดิ์ วหาวิศาล
ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัทอิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด

ตอนที่ 24
ผมเดินทางไปญี่ปุ่นหลายครั้งในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ไป จะได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า “ญี่ปุ่นไม่เคยหยุดอยู่กับที่” จากประเทศที่เคยเข้มงวดกับระเบียบประเพณี ปัจจุบันสังคมญี่ปุ่นเปิดประตูรับ แนวคิดใหม่มากขึ้น
เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือความเปลี่ยนแปลงในสังคมการทำงานที่เคยให้โอกาสผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หากในปัจจุบันโอกาสก้าวหน้าในการทำงานของผู้หญิง เปิดกว้างมากกว่าเดิม
สังคมญี่ปุ่นยุคเก่านั้น นับได้ว่าเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้ค่านิยมแบบ 男尊女卑 (Danson-johi) หรือ “ให้เกียรติผู้ชายมากกว่าผู้หญิง” มานานหลายศตวรรษ ทำให้ผู้นำองค์กรในภาคเอกชนที่ผมเคยทำงานด้วยส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หรือแทบไม่เคยเห็นผู้หญิงเลย
เพราะความเชื่อภายใต้ค่านิยมดังกล่าว ผู้หญิงที่แม้จะเรียนจบมหาวิทยาลัย มีความสามารถมากขนาดไหน แต่สุดท้ายเมื่อพวกเธอแต่งงานและมีครอบครัว ต้องลงเอยด้วยการออกมาเลี้ยงลูก และดูแลสามี ผู้หญิงที่จะทำงานไปและดูแลครอบครัวไปด้วยในเวลาเดียวกันนั้นหาได้ยากมาก
หากในยุคปัจจุบันที่สังคมโลกให้ความสำคัญสิทธิสตรีมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงในสังคมญี่ปุ่นเริ่มมีให้เห็นนับตั้งแต่การออกกฎหมายแรงงานที่ให้ผู้ชายสามารถลางานเพื่อไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูกได้ หรือ การเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเป็นผู้นำองค์กร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการให้เกิดภาพความเท่าเทียมทางเพศในการทำงาน
ดังเช่นกรณีของ Canon ที่อดีตแทบไม่มีผู้บริหารผู้หญิงในองค์กรเลย เมื่อได้รับแรงกดดันเพิ่ม Canon จึงต้องเปิดโอกาสให้ผู้หญิงขึ้นมาเป็นผู้บริหารองค์กรมากขึ้น
แต่ความเปลี่ยนแปลงล่าสุด เกี่ยวกับญี่ปุ่นที่ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะแปลกใจไม่น้อย คือการที่ญี่ปุ่นจะได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ เธอมีชื่อว่า “ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแห่งยุคสมัย และนับเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขึ้นสู่ตำแหน่ง ท่ามกลางแนวคิดウィメノミクス (Womenomics) ที่ถูกวางรากฐานเอาไว้ตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะผู้ล่วงลับ
โดยแนวคิดดังกล่าวผลักดันให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจมากขึ้น และนำมาซึ่งการเปิดกว้างทางโอกาสจนทำให้เราได้เห็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
ในสังคมญี่ปุ่นที่เคยเชื่อว่า “การทำงานคือชีวิต” การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือความกล้าหาญแห่งยุคสมัย พร้อมกับแนวคิด 働き方改革 (Hatarakikata Kaikaku) การปฏิรูปรูปแบบการทำงานที่ทำให้คนทำงานคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นี่คือญี่ปุ่นที่เริ่มเรียนรู้ว่า “ความสุขไม่ใช่การทุ่มเทจนหมดแรง แต่คือการรู้จักหยุดพักอย่างมีคุณค่า”
แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ในฐานะประเทศที่เต็มไปด้วยวินัย มีความพิถีพิถันในการทำงาน และสร้างงานอันเป็นเอกลักษณ์ มาถึงวันนี้ญี่ปุ่นกำลังเรียนรู้จะ “เป็นตัวเองแบบใหม่” เปิดโอกาสให้กับผู้หญิงมากขึ้น ไม่จำกัดบทบาทให้พวกเธอต้องอยู่หลังบ้านอีกต่อไป นับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าติดตามอย่างยิ่งครับ
ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัทอิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด
ตอนที่ 24
ผมเดินทางไปญี่ปุ่นหลายครั้งในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ไป จะได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า “ญี่ปุ่นไม่เคยหยุดอยู่กับที่” จากประเทศที่เคยเข้มงวดกับระเบียบประเพณี ปัจจุบันสังคมญี่ปุ่นเปิดประตูรับ แนวคิดใหม่มากขึ้น
เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือความเปลี่ยนแปลงในสังคมการทำงานที่เคยให้โอกาสผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หากในปัจจุบันโอกาสก้าวหน้าในการทำงานของผู้หญิง เปิดกว้างมากกว่าเดิม
สังคมญี่ปุ่นยุคเก่านั้น นับได้ว่าเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้ค่านิยมแบบ 男尊女卑 (Danson-johi) หรือ “ให้เกียรติผู้ชายมากกว่าผู้หญิง” มานานหลายศตวรรษ ทำให้ผู้นำองค์กรในภาคเอกชนที่ผมเคยทำงานด้วยส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หรือแทบไม่เคยเห็นผู้หญิงเลย
เพราะความเชื่อภายใต้ค่านิยมดังกล่าว ผู้หญิงที่แม้จะเรียนจบมหาวิทยาลัย มีความสามารถมากขนาดไหน แต่สุดท้ายเมื่อพวกเธอแต่งงานและมีครอบครัว ต้องลงเอยด้วยการออกมาเลี้ยงลูก และดูแลสามี ผู้หญิงที่จะทำงานไปและดูแลครอบครัวไปด้วยในเวลาเดียวกันนั้นหาได้ยากมาก
หากในยุคปัจจุบันที่สังคมโลกให้ความสำคัญสิทธิสตรีมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงในสังคมญี่ปุ่นเริ่มมีให้เห็นนับตั้งแต่การออกกฎหมายแรงงานที่ให้ผู้ชายสามารถลางานเพื่อไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูกได้ หรือ การเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเป็นผู้นำองค์กร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการให้เกิดภาพความเท่าเทียมทางเพศในการทำงาน
ดังเช่นกรณีของ Canon ที่อดีตแทบไม่มีผู้บริหารผู้หญิงในองค์กรเลย เมื่อได้รับแรงกดดันเพิ่ม Canon จึงต้องเปิดโอกาสให้ผู้หญิงขึ้นมาเป็นผู้บริหารองค์กรมากขึ้น
แต่ความเปลี่ยนแปลงล่าสุด เกี่ยวกับญี่ปุ่นที่ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะแปลกใจไม่น้อย คือการที่ญี่ปุ่นจะได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ เธอมีชื่อว่า “ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแห่งยุคสมัย และนับเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขึ้นสู่ตำแหน่ง ท่ามกลางแนวคิดウィメノミクス (Womenomics) ที่ถูกวางรากฐานเอาไว้ตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะผู้ล่วงลับ
โดยแนวคิดดังกล่าวผลักดันให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจมากขึ้น และนำมาซึ่งการเปิดกว้างทางโอกาสจนทำให้เราได้เห็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
ในสังคมญี่ปุ่นที่เคยเชื่อว่า “การทำงานคือชีวิต” การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือความกล้าหาญแห่งยุคสมัย พร้อมกับแนวคิด 働き方改革 (Hatarakikata Kaikaku) การปฏิรูปรูปแบบการทำงานที่ทำให้คนทำงานคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นี่คือญี่ปุ่นที่เริ่มเรียนรู้ว่า “ความสุขไม่ใช่การทุ่มเทจนหมดแรง แต่คือการรู้จักหยุดพักอย่างมีคุณค่า”
แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ในฐานะประเทศที่เต็มไปด้วยวินัย มีความพิถีพิถันในการทำงาน และสร้างงานอันเป็นเอกลักษณ์ มาถึงวันนี้ญี่ปุ่นกำลังเรียนรู้จะ “เป็นตัวเองแบบใหม่” เปิดโอกาสให้กับผู้หญิงมากขึ้น ไม่จำกัดบทบาทให้พวกเธอต้องอยู่หลังบ้านอีกต่อไป นับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าติดตามอย่างยิ่งครับ